วันนี้เป็นวันสุดสัปดาห์ เดิมทีเซียวเวยเวยไม่ต้องไปทำงานที่บริษัท แต่เนื่องจากผู้เรียนในคอร์สค่อนข้างเยอะ ดังนั้นเธอจึงต้องไปเฝ้าดูผู้เรียนวิชาเฉพาะเป็นพิเศษ
เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของเย่เฉิน หลังจากที่เลิกงาน เธอก็ตรงไปที่ช็อปแอร์เมส ใช้เงินไปทั้งหมดแปดพันกว่า เพื่อซื้อเข็มขัดแอร์เมสเป็นของขวัญวันเกิดให้เย่เฉิน
เซียวเวยเวยรู้ดี จากกำลังทรัพย์ของเย่เฉินแล้ว เข็มขัดแอร์เมสแค่เส้นเดียวไม่ได้ถือว่ามากมายในสายตาของเขา
แต่สำหรับเซียวเวยเวย มันเป็นหนึ่งในสิ่งหรูหราที่เธอสามารถเอื้อมถึงได้มากที่สุดแล้ว
เพราะถึงอย่างไร ตอนนี้เธอต้องหาเงินคนเดียว เพื่อเลี้ยงอีกสี่คนที่เหลือ. อีกอย่างพ่อกับพี่ชายยังจำเป็นต้องใช้ค่ารักษาพยาบาลอีกไม่น้อย. ดังนั้นตัวเธอจึงประหยัดกินประหยัดใช้มาตลอด กว่าจะเก็บเงินแปดพันนี้มาได้
หลังจากที่เธอให้พนักงานในร้านห่อเข็มขัดให้เสร็จ ในระหว่างทางกลับเธอก็เอาแต่ครุ่นคิด ว่าควรส่งของขวัญไปให้เย่เฉินอย่างไรดี
หลังจากขบคิดอยู่นาน เธอก็ตัดสินใจว่าจะวางของขวัญไว้ตรงกล่องรับจดหมายหน้าประตูบ้านของเย่เฉิน แล้วค่อยส่งข้อความไปบอกให้เขาออกมาหยิบ
เธอคิดว่า แบบนี้ถึงจะเหมาะสม และไม่ถูกคนอื่นจับได้ โดยเฉพาะพี่สาวอย่างเซียวชูหรัน
อีกอย่าง ถ้าเกิดเย่เฉินไม่อยากได้ของวัญขึ้นมาล่ะก็ จะได้ไม่ถูกปฏิเสธต่อหน้า อย่างน้อยก็ยังพอเหลือทางไปให้เธอบ้าง
แต่ว่า ในตอนที่เธอกำลังจะเดินไปถึงประตูบ้านของเย่เฉิน ก็ได้ยินเสียงฟึดฟัดของคุณย่าจากที่ไกลๆ เมื่อลองฟังดูดีๆ. ก็พบว่าคุณย่ากำลังมีปากเสียงกับเย่เฉินตรงหน้าประตู!
ทำเอาเซียวเวยเวยสะดุ้งจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง!
ดังนั้น. เธอจึงย่ำรองเท้าส้นสูงวิ่งไปยังหน้าประตูบ้านของเย่เฉินด้วยความรวดเร็ว ฉุดกระชากนายหญิงใหญ่เซียวเอาไว้ ทั้งดึงทั้งพูดขึ้นมาว่า “คุณย่า เรากลับกันเถอะ!”
เซียวเวยเวยผ่านการฝึกฝนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา จนพูดได้เลยว่าตอนนี้หูไวตาไวเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่านายหญิงใหญ่มาหาเรื่องเย่เฉิน ก็รู้ในทันทีว่านายหญิงใหญ่กำลังจะก่อเรื่องอีกแน่ๆ ในเวลาแบบนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดอะไรมีเหตุผลกับอีกฝ่าย ไม่อย่างนั้นถ้าเกิดอีกฝ่ายอารมณ์ขึ้นจนเดือดดาล ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมากระตุกต่อมโมโหของเย่เฉินบ้าง
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดก็คือพานายหญิงใหญ่กลับไปก่อนเป็นอันดับแรก แล้วค่อยหาวิธีมาขอโทษเย่เฉินทีหลัง!
นายหญิงใหญ่เซียวคิดไม่ถึงว่าเซียวเวยเวยจะกลับมาตอนนี้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังจะลากตัวเองออกไป ก็รีบพูดขึ้นมาว่า “นี่เวยเวย แกไม่ต้องมาลากฉัน ฉันจะบอกอะไรแกให้นะ อีกเดี๋ยวไอ้เย่เฉินนี่ก็จะถังแตกแล้ว แกจะไปกลัวทำไมนักหนา? ดีไม่ดีอีกไม่กี่วันข้างหน้าครอบครัวเขาต้องมาขอความช่วยเหลือจากเราแน่ๆ!”
เซียวเวยเวยรับรู้ได้ถึงเหงื่อเย็นๆที่ผุดขึ้นมาเต็มแผ่นหลัง เอ่ยตำหนิออกมาว่า “คุณย่าพูดจาอะไรเลอะเทอะ! พี่เขยเก่งขนาดนี้จะไปถังแตกได้ยังไง! คุณย่ารีบขอโทษพี่เขยเดี๋ยวนี้เลยนะ ขอโทษเสร็จจะได้รีบๆกลับ อย่ามาขวางทางพี่เขยเขาอยู่ตรงนี้!”
นายหญิงใหญ่เซียวเลิกคิ้วขึ้น “ว่าไงนะ?! ให้ฉันขอโทษเขางั้นเหรอ? คนที่วันๆเอาแต่โกหกหลอกลวง สมควรที่จะได้รับคำขอโทษจากฉันเหรอ?! เฮอะ! ฉันจะบอกอะไรแกให้นะเวยเวย แกโดนภาพพจน์ผู้มีอิทธิพลจอมปลอมของเขาหลอกเข้าให้แล้วล่ะ! แกดูสิขนาดวันนี้เป็นวันเกิดของเขา ยังไม่มีใครเอาของขวัญมาให้เลยสักคนเดียว นี่มันหมายความว่าอะไรน่ะเหรอ? ก็หมายความว่าเขาหมดท่าแล้วน่ะสิ! ไม่แน่หลังจากนี้อาจจะถูกคิดบัญชีย้อนหลังก็ได้!”
เซียวเวยเวยรู้ดีว่า อำนาจเส้นสายของเย่เฉินในเมืองจินหลิงแข็งแกร่งขนาดไหน จะถังแตกง่ายๆได้ยังไง?
ถ้าเย่เฉินกำลังจะถังแตกจริงๆ แบบนั้นเจ้าของบริษัทโมเดลลิ่งซ่างเหม่ยคนก่อนอย่างหลิวจงฮุย ก็คงตามตัวเธอ เพื่อยึดบริษัทคืนกลับไปตั้งแต่แรกแล้ว
ดังนั้น ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องอื่นเลย ตราบใดที่หลิวจงฮุยยังไม่มาตามตัวเธอ ฉะนั้นก็แปลว่าเย่เฉินไม่มีทางถังแตกแน่นอน
ความเป็นไปได้อย่างเดียวที่มีอยู่ในตอนนี้ ก็คือย่าของเธอกำลังสร้างความวุ่นวายต่างหากล่ะ!