“คนที่ให้ฉันไปอยู่กับหวังเหวินเฟยในตอนนั้นก็คือคุณย่า คนที่ให้ฉันไปอยู่กับเซียวอี้เชียนในเวลาต่อมาก็เป็นคุณย่าอีกเหมือนกัน คนที่ทำให้ชื่อเสียงของฉันต้องป่นปี้ คนที่ทำให้ตระกูลเซียวล้มละลาย คนที่ทำให้ฉันต้องหาเงินเลี้ยงครอบครัวก็คือคุณย่า!”

“ช่วงที่ผ่านมาฉันต้องลำบาก ส่วนใหญ่สาเหตุก็มาจากคุณย่าทั้งนั้น!แต่คุณย่าไม่ใช่แค่ไม่สำนึกผิด ตอนนี้ยังคิดที่จะบังคับให้ฉันหักหน้าผู้มีพระคุณใหญ่หลวงอย่างพี่เขย จิตใจคุณย่าทำด้วยอะไรกันแน่?!”

นายหญิงใหญ่แตกสลายไปตามๆกัน เอ่ยพูดทั้งที่ยังร้องไห้ว่า “เมื่อก่อนย่าเคยทำผิด แกโทษย่าได้เต็มที่ ย่าไม่มีอะไรจะแก้ตัว แต่การที่ฉันเฝ้ารักเฝ้าถนอมแกมาหลายปี มันไม่เพียงพอให้แกรู้สึกซาบซึ้งในพระคุณเลยหรือไง?! แกไม่ซาบซึ้งก็ไม่เป็นไร แต่แกกลับมาพูดว่าเย่เฉินมีบุญคุณอันใหญ่หลวงต่อแก แกพูดอย่างนี้ ไม่รู้จักสำนึกเลยหรือไง?!”

เซียวเวยเวยที่อารมณ์กำลังเดือดหลุดปากพูดออกไปโดยไม่ทันคิดว่า “ใช่ฉันไม่รู้จักสำนึก! ตอนนั้นที่ฉันถูกบังคับให้เซ็นสัญญาขายเรือนร่าง ก็ได้พี่เขยนี่แหละช่วยฉันออกมา!”

ขณะที่พูด กรอบตาของเซียวเวยเวยก็เอ่อคลอไปด้วยน้ำตา เอ่ยพูดต่อว่า “พี่เขยไม่เพียงแค่ช่วยฉันอย่างเดียว แต่ยังไล่เจ้านายใจดำกับคู่ขาไปให้พ้นด้วย แถมยังคืนอิสระให้ผู้หญิงอีกหลายคนที่ถูกบังคับขายร่างกาย!”

“อีกอย่าง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ก็เพราะว่าพี่เขยยกบริษัทโมเดลลิ่งซ่างเหม่ยให้ฉันดูแลนี้แหละ! ถึงได้มีเซียวเวยเวยในวันนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะความเมตตาจากพี่เขยทั้งนั้น! กุ้ยเหรินที่ฉันพูดถึงก็คือเขานี่แหละ!”

นายหญิงใหญ่เซียวฟังมาถึงตรงนี้ ก็ตะลึงไปทั้งเนื้อทั้งตัว ตาแถบถลนออกมาจากเบ้า

เธอไม่คิดไม่ฝันเลยว่า กุ้ยเหรินที่เซียวเวยเวยพบเจอ จะเป็นเย่เฉิน!

ที่น่าขำก็คือ เธอนึกว่าเซียวเวยเวยจะจับกุ้ยเหริน และเย่เฉินอาจจะกำลังถังแตก จึงถ่อมาพูดจาเหน็บแนมเย่เฉินถึงที่นี่ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่า ที่ครอบครัวของตัวเองมีกินมีใช้ทุกวันนี้ เพราะว่าเย่เฉินมอบให้ทั้งนั้น

ในตอนนี้ ยิ่งพูดก็ยิ่งขึ้น เซียวเวยเวยขึ้นเสียงใส่นายหญิงใหญ่เซียวว่า “บริษัทโมเดลลิ่งซ่างเหม่ยเติบโตได้เร็วขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะฉันเก่งเลยสักนิด แต่เป็นเพราะพี่เขยช่วยฉันเตรียมการกับลูกน้องของท่านหงห้าไว้ตั้งนานแล้ว เพราะแบบนั้นผู้คนภายนอกถึงได้อยากทำทุกวิธีเพื่ออยากร่วมงานกับฉันยังไงล่ะ!”

“ท่านหงห้าเก่งกล้าสามารถ มีธุรกิจมากมายอยู่ในมือ ถ้าตอนนี้เขากำลังมองหาพนักงานต้อนรับล่ะก็ เขาต้องติดต่อมาร่วมงานกับฉันแน่นอน!”

“หรือบางครั้งต่อให้เป็นโอกาสที่ไม่ต้องมีพนักงานต้อนรับ พวกเขาก็ต้องติดต่อร่วมงานกับฉันอยู่ดี!”

“เคยเห็นคนรวยที่ต้องนอนโรงพยาบาลจ้างพนักงานต้อนรับมาช่วยลิตส์รายการของเยี่ยมหน้าประตูห้องผู้ป่วยไหม?”

“เคยเห็นเศรษฐีจัดประชุม แล้วจ้างพนักงานต้อนรับมาต้อนรับแขก และเช็กชื่อไหม?”

“เคยเห็นภรรยาเศรษฐี จ่ายเงินจ้างพนักงานต้อนรับไปเสิร์ฟอาหาร รินเหล้ารินน้ำให้แขกในงานแทนพนักงานในร้านของตัวเองไหม?”

“ที่พวกเขาทำอย่างนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะว่าเห็นแก่หน้าพี่เขย ถึงได้อยากหาวิธีช่วยเหลือฉัน!และก็เพราะว่าเส้นสายนี่แหละ ที่ทำให้บริษัทโมเดลลิ่งซ่างเหม่ยเติบโตอย่างรวดเร็วได้ถึงขนาดนี้!”

เซียวเวยเวยพูดพร้อมกับชี้หน้านายหญิงใหญ่เซียว ต่อว่าขึ้นมาว่า “ที่คุณย่า คุณพ่อ และพี่มีกินมีใช้ทุกวันนี้ ทั้งหมดก็เป็นเพราะพี่เขยหามาให้ทั้งนั้น!”

“แม้แต่เสื้อผ้าที่คุณย่าใส่อยู่ตอนนี้ ก็อาศัยบารมีของพี่เขยทั้งนั้นถึงซื้อมาใส่ได้!”

“ไม่อย่างนั้น ฉันคงถูกบังคับขายตัวไปเป็นโสเภณีที่KTVตั้งนานแล้ว คงไม่มีเวลาว่างมาซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆให้คุณย่าใส่หรอก!”

“ดีไม่ดีป่านนี้คุณย่าคงได้ไปแยกถุงพลาสติกที่ตลาดเพื่อหาเรื่องตัวเองแล้ว!”

“กว่าจะมีชีวิตดีๆและมั่นคงเหมือนอย่างตอนนี้ได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆ แต่คุณย่ากลับถ่อมาอาละวาดถึงที่นี่ คุณย่าคิดจะทำอะไรกันแน่?”

“ต้องให้ฉันออกไปจากบ้าน ตัดขาดจากโลกของคุณย่าไปตลอดชีวิตถึงจะพอใจใช่ไหม?”