เมื่อเหล่าสาวน้อยได้ยินที่เย่เฉินพูด ก็พยักหน้าอย่างรู้งาน

แม้ว่าพวกเธอแต่ละคนจะรู้สึกดีกับเย่เฉิน แต่พวกเธอเองก็รู้ ว่าคืนนี้เย่เฉินกับภรรยาอยากมีโลกส่วนตัวกันสองคน พวกเธอไม่ควรเข้าไปรบกวน

ในตอนนี้เอง ซ่งหวั่นถิงก็เอ่ยขึ้นมาว่า “อาจารย์เย่ นายหญิงเย่ งั้นพวกฉันไม่รบกวนเวลาพวกคุณแล้วค่ะ ถ้ามีเวลาว่างนัดกันทานข้าวสักหน่อยนะคะ”

พูดจบ เธอก็มองมาที่เซียวชูฆรัน เอ่ยพูดอย่างจริงจังว่า “แล้วก็ ถ้านายหญิงเย่มีเวลามานั่งเล่นที่ซงซื่อกรุ๊ปก็ได้นะคะ ช่วงนี้ทางเรากำลังต้องการตกแต่งภายใน ถ้านายหญิงเย่สนใจ ก็มาร่วมงานกันได้นะคะ”

เซียวชูหรันในตอนนี้ กำลังอยู่ในช่วงบ้างาน

เธอหวังมาตลอดว่าจะสามารถพาธุรกิจของบริษัทเติบโตอย่างรวดเร็ว และก็หวังว่าจะสามารถแบกรับภาระของครอบครัวได้เพื่อที่เย่เฉินจะได้พักผ่อนบ้าง

ดังนั้น เมื่อได้ยินซ่งหวั่นถิงพูดส่งมาซะขนาดนี้ เธอจึงรีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาค่ะคุณซ่ง ไม่ทราบว่าคุณว่างช่วงไหน ฉันจะได้ไปเยี่ยมเยือนสักหน่อย”

ซ่งหวินถิงหยิบนามบัตรตัวเองออกมายื่นให้เซียวชูหรัน แล้วเอ่ยพูดว่า “คงต้องดูเวลาของนายหญิงเย่เป็นหลัก ฉันได้ทุกเมื่อค่ะ”

เซียวชูหรันลองเชิงถามว่า “คุณซ่ง ไม่ทราบว่าวันจันทร์ว่างไหมคะ?”

“ว่างค่ะ” ซ่งหวั่นถิงพูดยิ้มๆ “งั้นเอาเป็นวันจันทร์สิบเอ็ดโมงแล้วกันค่ะ แบบนี้เราจะได้ออกไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันพอดี ธุรกิจของซ่งซื่อกรุ๊ปเกี่ยวข้องกับทักษะของนายหญิงเย่หลายอย่างเลยค่ะ เอาไว้วันจันทร์เราค่อยมาลงรายละเอียดอีกที”

เซียวชูหรันตื่นเต้น จึงรีบตอบตกลง รับนามบัตรของอีกฝ่ายมาถือไว้ แล้วเอ่ยพูดว่า “คุณซ่ง งั้นเอาตามนี้เลยนะคะ วันจันทร์ตอนเช้าเดี๋ยวฉันไปหา”

ซ่งหวั่นถิงพยักหน้า พูดยิ้มๆว่า “ได้ค่ะนายหญิงเย่ เจอกันวันจันทร์”

เย่เฉินกระตุกแขนเซียวชูรันเบาๆ แล้วย้ำเตือนว่า “ที่รัก คอนเสิร์ตใกล้จะเริ่มแล้วนะ เรารีบไปที่นั่งกันเถอะ”

เซียวชูหรันขานรับ บอกลาสาวๆเหล่านั้นเสร็จ ถึงได้เดินตามเย่เฉินมายังที่นั่งของทั้งสองที่อยู่ตรงกลาง

นั่งลงได้ไม่ทันไร เซียวชูหรันก็อดทอดถอนหายใจออกมาไม่ได้ว่า “ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเจอคนรู้จักที่คอนเสิร์ตเยอะขนาดนี้ แล้วก็ฉินเอ้าเสวี่ยนกับอิโตะ นานาโกะ ตัวจริงสวยมาก!โดยเฉพาะอิโตะ นานาโกะ เธอสวยมากๆ พอได้ไปยืนต่อหน้าเธอฉันก็อดรู้สึกต่ำต้อยไม่ได้เลย…”

เย่เฉินเอ่ยพูดอย่างจริงจัง “ที่รัก คุณเองก็สวย ไม่ได้แย่ไปกว่าใครเลยสักหน่อย”

“ที่ไหนกันล่ะ….” เซียวชูหรันเอ่ยขึ้นมาว่า “ประธานหวังกับคุณซ่งก็ดูมีราศี กิริยาท่าทางดูมีความมั่นใจกว่าฉันเป็นไหนๆ ยิ่งอิโตะ นานาโกะยิ่งแล้วใหญ่ เธอไม่มีข้อเสียเลยสักนิด ทั้งหน้าตา บุคลิก ท่าทาง น้ำเสียงรวมไปถึงกริยามารยาท ต่างก็ดูสมบูรณ์แบบไปหมด ตั้งแต่เกิดมา ฉันเพิ่งเคยเจอผู้หญิงเพอร์เฟคขนาดนี้ก็วันนี้แหละ….”

เย่เฉินไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจก็แอบชื่นชมความคิดเห็นต่อคนอื่นในแง่บวกของเซียวชูหรัน

อิโตะ นานาโกะสมกับเป็นยามาโตะนาเดชิโกะที่เป็นที่ยอมรับในสายตาของคนญี่ปุ่น ทั้งรูปร่างหน้าตา บุคลิก กริยามารยาทรวมไปถึงการอบรมเลี้ยงดู แทบจะเป็นบุคคลหายากหนึ่งในล้าน

อีกอย่าง แม้ว่าเย่เฉินจะรักชาติสุดใจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า ต้นฉบับการอบรมเลี้ยงดูลูกผู้หญิงแบบดั้งเดิมในภูมิภาคตะวันออก สมัยนี้ยังไม่มีประเทศไหนสู้ญี่ปุ่นได้

เด็กผู้หญิงญี่ปุ่นหลายคนที่ต้องเรียนรู้งานเย็บปักถักร้อย อย่างพวกปักดิ้นลายประณีตๆมาตั้งแต่เด็กๆเหมือนอิโตะ นานาโกะ

นอกจากนี้แล้ว นอกเหนือจากเวลาเรียนเด็กผู้หญิงญี่ปุ่นบางส่วนยังต้องเรียนจัดดอกไม้ ชงชา ซึ่งทักษะเหล่านี้ต่างก็สอดคล้องกับความงามดั้งเดิมทั้งนั้น

แน่นอน สิ่งนี้มีความเกี่ยวเนื่องกับตำแหน่งในสังคมของผู้หญิงญี่ปุ่นค่อนข้างมาก ในสังคมล้วนแล้วแต่สั่งสอนเด็กผู้หญิงให้ทำตัวเป็นภรรยาที่ดีของสามี ดังนั้นผู้หญิงในสังคมส่วนใหญ่จึงดูบอบบาง แต่ในสายตาคนอื่น ในขณะที่บอบบางก็ยังดูนุ่มนวลอ่อนหวานอีกด้วย