บวกกับที่เดิมทีตระกูลอิโตะก็เป็นตระกูลใหญ่ของญี่ปุ่นที่มีความเป็นดั้งเดิมมาก ดังนั้นนางาฮิโกะ อิโตะจึงได้พยายามเลี้ยงดูลูกสาวให้เป็นสุภาพสตรีในสายตาของคนญี่ปุ่น เช่นนั้นจึงทำให้อิโตะ นานาโกะมีความอ่อนโยนเช่นนี้

ดังนั้นเซียวชูหรันอยู่ต่อหน้าของอิโตะ นานาโกะ ก็มีความรู้สึกละอาย มักจะรู้สึกว่าอีกฝ่ายนั้นดีกว่าตัวเองทุกอย่างอยู่เสมอ

เซียวชูหรันแอบถอนใจในใจแล้ว ตัวเองก็เริ่มเปลี่ยนบทสนทนาไปที่ตัวซ่งหวั่นถิง พูดอย่างตื่นเต้นว่า “แต่ว่าถ้าหากครั้งนี้สามารถร่วมงานกับคุณซ่งได้ละก็ งั้นสตูดิโอของฉัน อีกไม่นานก็สามารถเป็นสตูดิโอการออกแบบซ่อมแซมที่ดีที่สุดในเมืองจินหลิงแล้ว!”

เย่เฉินอดไม่ได้จึงพูดว่า “ที่รัก ช่วงนี้ใจการทำงานของเธอหนักไปหน่อยแล้วมั้ง เดิมทีตัวเธอก็รับงานใหญ่ของตี้เหากรุ๊ปไว้แล้ว อีกอย่างตอนนี้บริษัทก็รับงานตกแต่งส่วนตัวมาอีกไม่น้อย งานในมือของเธอมีเยอะมากอยู่แล้ว ทำไมถึงยังต้องไปร่วมงานกับตระกูลซ่งอีก? ที่จริงตอนนี้บ้านเราก็ไม่ขาดเงิน เธอไม่จำเป็นต้องเหนื่อยขนาดนี้เลย”

เซียวชูหรันส่ายหัว พูดอย่างจริงจังมากว่า “เดิมทีการทำธุรกิจก็ไม่ได้แปลว่าต้องเพื่อเงิน ที่สำคัญคือ ในเมื่อเริ่มแล้ว ก็หวังว่าจะทำมันให้ได้ดีที่สุด”

“ดังนั้นนายดูสิ บริษัทใหญ่มากมายที่มีมูลค่าทางการตลาดถึงหลายแสนล้านเหรียญสหรัฐ เจ้านายของพวกเขาการเงินคล่องแคล่วมากมายมาตั้งนานแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังพยายามเพื่อบริษัทอยู่เหมือนเดิม ฉันเชื่อว่าพวกเขาหาเงินได้มากพอที่จะใช้ไม่หมดไปหลายชาติ ให้ลูกหลานอยู่สุขสบายได้แล้ว ที่จริงแล้วก็เพื่อทำให้มันดีที่สุด สมบูรณ์ที่สุดก็เท่านั้น”

คำพูดของเซียวชูหรัน เย่เฉินเองก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก

ในสังคมนี้ คนส่วนมาก ไม่มีจิตวิญญาณสูงสุดแบบนี้

คนส่วนมากมักจะมีมาตรฐานที่ตัวเองพอใจ เพียงแค่ถึงมาตรฐานนั้น ก็เริ่มเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิต ไม่พยายามอะไรอีก

แต่ก็มีคนจำนวนน้อยมาก ไม่เคยรู้สึกพอใจเลยภายใต้จิตวิญญาณสูงสุด

พวกเขาเองก็มีการวางมาตรฐานให้ตัวเอง แต่ที่แตกต่างก็คือ เมื่อถึงจุดมาตรฐานนี้แล้ว พวกเขาไม่รู้จักพอใจ แต่จะทำการวางมาตรฐานที่สูงยิ่งขึ้นให้กับตัวเอง

ธุรกิจพวกนั้นที่มูลค่าเกินกว่าแสนล้าน หรือถึงขั้นอยู่ในห้าร้อยอันดับแกร่ง ไม่มีแห่งไหนที่ไม่ได้ขับเคลื่อนไปด้วยแรงกำลังนี้ ให้ยิ่งอยู่ยิ่งแกร่งขึ้น

คิดดูแล้ว ภรรยาเซียวชูหรันเองก็เป็นคนประเภทนี้ เพียงแค่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีโอกาสให้เธอได้ทำตามความทะเยอทะยานของเธอก็เท่านั้น

ดังนั้น เย่เฉินถามเซียวชูหรัน “ที่รัก เธอคิดว่าจุดเป้าหมายสุดท้ายของการที่เธอทำธุรกิจคืออะไร?”

เซียวชูหรันนึกคิด พูดอย่างจริงจังว่า “ฉันไม่ได้มีเป้าหมายโดยเฉพาะอะไร ฉันเพียงแค่คาดหวังว่าจะทำมันให้ได้ดีที่สุดภายในขีดจำกัดกำลังของตัวเองเท่านั้น”

เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ

แม้ว่าเขาจะเอ็นดูเซียวชูหรันที่ทุ่มสุดตัวต่องาน แต่ในจุดๆหนึ่งก็สามารถเข้าใจความในใจเธอได้

เขารู้สึกว่า จากจุดๆหนึ่งแล้ว ความคิดของตัวเองและภรรยาก็เหมือนกัน

เดิมทีตัวเย่เฉินเองก็ไม่ได้มีความต้องการพวกสิ่งของนอกกาย จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เคยซื้อรถให้กับตัวเอง แต่เขาก็ยังคิดหาทุกวิถีทาง ขยายกิจการของตัวเองให้ใหญ่มากขึ้นไม่หยุด แล้วเพิ่มระดับกำลังทรัพย์ของตัวเอง

แต่ว่า ที่ไม่เหมือนกับคนเก่งคนอื่นๆก็คือ เย่เฉินหาเงิน ไม่ใช่เพื่อทำให้เห็นถึงคุณค่าในตัวเอง เขาเพียงแค่อยากจะรวบรวมกำลังที่มากพอ อนาคตจะได้ตรวจสอบความจริงการตายของพ่อแม่ และหลังจากที่ตรวจสอบความจริงแล้ว สามารถใช้กำลังที่มากมายมาเหยียบย่ำศัตรูของตัวเองได้

เพราะงั้นเพื่อทำตามเป้าหมายนี้ให้ได้ เขาจึงจำเป็นต้องใช้เวลาช่วงเริ่มต้นนี้ ใช้กำลังที่ตัวเองสามารถ พยายามทำให้ดีจนถึงที่สุด