ในขณะที่สองสามีภรรยากำลังคุยกัน มีเงาหนึ่งเดินมาตรงหน้าของทั้งสองคน แล้วนั่งลงที่ข้างเซียวชูหรัน

เซียวชูหรันเอียงตัวมองดู แล้วก็ร้องขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “โอ๊ะ!คุณซู!”

เย่เฉินเงยหน้ามองดู ถึงเพิ่งได้รู้ ว่าคนที่นั่งข้างเซียวชูหรันนั่นก็คือซูจือหยู ทำไมเธอถึงมาด้วยละ?

ซูจือหยูเห็นทั้งสองคน ก็ดูเหมือนว่าจะประหลาดใจด้วยเช่นกัน พูดด้วยรอยยิ้มว่า “โอ๊ะ ประธานเซียว คุณเย่ ไม่คิดเลยว่าพวกคุณเองก็มา!”

เซียวชูหรันพูดยิ้มๆว่า “ฉันชอบกู้ชิวอี๋มาตลอด เพราะงั้นก็เลยขอร้องให้สามีของฉันมาดูคอนเสิร์ตกับฉันมานานแล้วละคะ”

พูดไป แล้วเธอก็รีบถามว่า “คุณซู ทำไมคุณน้าตู้ถึงไม่มากับคุณละคะ?”

ซูจือหยูยิ้ม แล้วอธิบายอย่างละเอียดว่า “พูดตามจริงนะคะ ที่จริงแล้วแม่ของฉันไม่ค่อยชอบสถานที่ที่วุ่นวายแบบนี้สักเท่าไหร่ค่ะ อีกอย่างที่จริงแล้วฉันก็ไม่ได้คิดจะมา เพียงแต่ว่าบัตรเข้างานนี้พี่ชายของฉันเป็นคนทิ้งไว้ให้ เขาเป็นแฟนคลับของกู้ชิวอี๋ แต่ว่ามีงานกะทันหันเลยมาไม่ได้ ฉันดูแล้วบัตรนี้ก็คงจะเปลืองไปเปล่าๆ ดังนั้นก็เลยมาดูค่ะ”

เซียวชูหรันพูดยิ้มๆ “สามีของฉันก็เหมือนว่าจะไม่ค่อยชอบสถานที่แบบนี้สักเท่าไหร่ เขาคนนี้ไม่เคยตามดารามาก่อน ครั้งนี้เองก็ถูกฉันลากบังคับมาค่ะ”

ซูจือหยูมองไปที่เย่เฉินอย่างอดไม่ได้ พูดยิ้มๆว่า “ที่แท้คุณเย่ไม่ชอบกู้ชิวอี๋หรอคะเนี่ย?”

เย่เฉินฟังแล้ว ก็ปวดหัวขึ้นมา แอบคิดในใจว่า “วันนี้พวกผู้หญิงพวกนี้เป็นอะไรกันไปหมด?พูดจาออกมา แต่ละคนก็ยิ่งดูมีนัยแอบแฝง….”

นึกถึงนี่ เขาจึงจงใจเปลี่ยนบทสนทนา ถามซูจือหยูว่า “อ้อใช่สิคุณซู พี่ชายของคุณเป็นแฟนคลับของกู้ชิวอี๋ ทำไมถึงได้มีงานมากะทันหันแล้วไม่มาแล้วละครับ? ดูแล้วแฟนคลับนี้จะยังไม่หนักแน่นมากพอนะครับ”

ซูจือหยูแอบกลอกตาบนใส่เย่เฉิน คิดในใจว่า “สารเลวนี่ ถามทั้งๆที่รู้ยังไม่พอจะมาใช้บรรยายตัวนายแล้ว!พี่ชายฉันทำไมถึงไม่มา?บนโลกใบนี้จะมีคนที่รู้ดียิ่งกว่านายอีกงั้นหรอ? วันนี้เขาก็รีบร้อนเดินออกไปอย่างตื่นเต้นแต่เช้าแล้ว อย่างมากวันหนึ่งก็คงเดินได้แค่ไม่กี่กิโล ตอนนี้คงยังไม่ได้ออกจากเขตเมืองจินหลิงแน่นอนเลย!”

ดังนั้น เธอจึงพูดออกมาว่า “อย่าพูดถึงเลยค่ะ พี่ชายฉันไปเจอกับสารเลวคนหนึ่ง ถูกสารเลวคนนั้นจัดการสั่งสอนเข้า อนาคตในหลายปีนี้คงจะไม่ได้กลับมาหรอกค่ะ”

เซียวชูหรันได้ยินอย่างนี้ พูดอย่างตกใจมากว่า “คุณซู พี่ชายคุณถูกจับตัวไปหรอคะ?!งั้นคุณแจ้งตำรวจรึยังคะ?”

ซูจือหยูหัวเราะสองที พูดว่า “ก็ไม่ใช่การจับตัวหรอกค่ะ แค่ว่าพี่ชายของฉันคงกลับมาไม่ได้ในเร็วๆนี้ แต่ว่าก็เต็มใจรับผลการพนัน พูดถึงแล้วก็โทษคนอื่นไม่ได้หรอกค่ะ”

เซียวชูหรันฟังจนงงไปหมด แต่ว่าเมื่อคิดได้ว่านี่เป็นเรื่องในครอบครัวของคนอื่น ตัวเองก็ไม่สะดวกที่จะถามให้ละเอียดกว่านี้ ดังนั้นจึงพยักหน้าเบาๆ พูดว่า “ขออภัยด้วยนะคะ ฉันเสียมารยาทเอง”

“ไม่เป็นไรค่ะๆ” ซูจือหยูรีบโบกมือ พูดว่า “สำหรับเขาแล้วสิ่งนี้คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรค่ะ”

ในเวลานี้เอง สองสามีภรรยากู้เย้นจงและหลินหว่านชิว เดินจับมือกันมาจากทางฝั่งซูจือหยู กู้เย้นจงเห็นเย่เฉิน ทั้งสองคนมองตากัน แล้วก็พยักหน้าให้กันเล็กน้อยอย่างที่คนนอกไม่สามารถมองออกได้

หลินหว่านชิวเองก็แอบโบกมือให้กับเย่เฉิน จากนั้นก็นั่งลงที่ข้างกายซูจือหยู

ส่วนกู้เย้นจง ก็นั่งลงตรงด้านข้างของหลินหว่านชิว

ระหว่างทั้งสามคนไม่ได้ทำการทักทายกัน ดังนั้นเซียวชูหรันจึงไม่ค่อยได้สนใจสองคนนี้เท่าไหร่

แต่ว่า ซูจือหยูเห็นว่าข้างกายมีคนมา จึงได้เหลือบตามองดู ถึงได้รู้ว่า คนที่มาคือผู้นำตระกูลของตระกูลกู้ กู้เย้นจงและหลินหว่านชิวภรรยาของเขา

ตอนแรกซูจือหยูก็มีความตกใจอยู่บ้าง แต่ไม่นานก็ได้สติ