เดิมทีตัวเธอเองก็เป็นเศรษฐีแห่งเย่นจิงอยู่แล้ว ดังนั้นจึงรู้ถึงสถานการณ์ของตระกูลกู้อยู่สักหน่อย รู้ว่ากู้เย้นจงและหลินหว่านชิวเป็นพ่อแม่ของกู้ชิวอี๋ ในเมื่อเป็นคอนเสิร์ตของกู้ชิวอี๋ พวกเขาสองคนที่เป็นพ่อแม่มาในงานก็เป็นเรื่องปกติ

เพียงแต่ ในใจเธอมีความสงสัยเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นกู้เย้นจงหรือหลินหว่านชิว เมื่อก่อนที่อยู่เย่นจิงในงานสังคมระดับสูงต่างๆ ซูจือหยูเองก็ได้เจออยู่บ่อยๆ

แต่ว่าในความทรงจำของเธอ สองสามีภรรยานี้ดูแล้วไม่ได้ดูอ่อนเยาว์ขนาดนี้

โดยเฉพาะหลินหว่านชิว เธอเคยคลอดลูกหนึ่งคน อายุก็น้อยกว่าแม่ของตัวเองไม่กี่ปี แต่ท่าทางตัวเธอดูแล้วไม่เหมือนกับคนที่เคยมีลูกมาก่อน รู้สึกว่าท่าทางเหมือนแค่อายุประมาณสามสิบกว่าเท่านั้น ดูอ่อนเยาว์กว่าแม่ของตัวเองเยอะมากเลย

และกู้เย้นจงเองก็น่าประหลาดมาก

ก่อนหน้านี้เอาแต่พูดว่าเขาเป็นมะเร็งตับอ่อนใกล้ตายแล้ว แต่ใครจะไปคิด คนๆนี้ไม่เพียงแต่รักษาหาย แล้วสีหน้าท่าทางก็กลับยิ่งอยู่ยิ่งดีมากขึ้นอีกด้วย

แต่ว่า ในใจของซูจือหยูตกใจก็ส่วนตกใจ แต่ก็รู้สึกว่า ในเมื่อเจอกันแล้ว แล้วยังนั่งใกล้กันอีกด้วย ดังนั้นจึงได้เริ่มทักทายกับทั้งสองคนก่อน พูดว่า “น้าหลิน ลุงกู้ สวัสดีค่ะ!”

หลินหว่านชิวไม่ได้สังเกตแต่แรกแล้วว่าคนที่นั่งด้านข้างคือใคร เดิมทีเธอก็เอาแต่แอบสังเกตดูเซียวชูหรันที่อยู่ข้างกายเย่เฉิน อยากจะดูว่าผู้หญิงคนนี้มีพลังวิเศษอะไรกันแน่ ถึงได้ทำให้เย่เฉินรักและเอ็นดูขนาดนี้ ปรากฏว่าจู่ๆก็ได้ยินเสียงของเด็กผู้หญิงทีนั่งคั่นกลางระหว่างตัวเองและเซียวชูหรันพูดทักทายกับตัวเองขึ้นมา ดังนั้นเธอจึงรีบหันมองดู ถึงได้รู้ว่า ที่แท้คนที่นั่งอยู่ข้างกายตัวเอง นั่นก็คือซูจือหยูของตระกูลซู

เธอถามอย่างประหลาดใจว่า “จือหยู? ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ละ?”

กู้เย้นจงเองก็ประหลาดใจมาก ไม่คิดเลยว่าซูจือหยูของตระกูลซูก็อยู่ในสถานที่ด้วยเช่นกัน

ซูจือหยูแลบลิ้น พูดอย่างมีความอึดอัดอยู่บ้าง “ก่อนพี่ชายฉันจะจากไปได้ทิ้งบัตรเข้างานไว้ใบหนึ่งค่ะ ดังนั้นหนูจึงได้มาเล่นสนุกสักหน่อยค่ะ”

ซูจือหยูพูดมาอย่างนี้ กู้เย้นจงและหลินหว่านชิวสองสามีภรรยาก็เข้าใจในทันที

พวกเขารู้ถึงสถานการณ์ของตระกูลซู รู้ว่าเมื่อวานจู่ๆซูจือเฟยก็จะโกนผมไปชดใช้ความผิดที่วัดต้าจาวให้กับครอบครัว และก็รู้ด้วยว่าก่อนหน้านี้ซูจือเฟยได้ตามจีบลูกสาวของตัวเองมาตลอด เมื่อพูดอย่างนี้ ก็รู้แล้วว่าทำไมซูจือหยูถึงมาอยู่ที่นี่ได้

หลินหว่านชิวเองก็มีความอึดอัดนิดหน่อย เอ่ยปากพูดว่า “จือหยู เรื่องของพี่ชายเธอฉันกับลุงกู้ของเธอก็ได้ยินมาบ้างแล้ว เฮ้อ พวกเราเองก็คิดไม่ถึงเลย….สุขภาพของแม่เธอยังสบายดีใช่มั้ย?”

ซูจือหยูพยักหน้า คิดว่าคนที่นั่งข้างกายเธอก็คือภรรยาของเย่เฉิน แล้วก็นึกถึงหลินหว่านชิว กู้เย้นจงและเย่เฉินจะต้องรู้จักกันมาแต่แรกแล้วแน่ๆ ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ พวกเขาสองสามีภรรยามองเย่เฉิน จะต้องเป็นการมองแบบลูกเขยในอนาคตแน่ๆ ดังนั้นจึงได้รีบเอ่ยปากพูดว่า “น้าหลินคะ สุขภาพร่างกายของแม่หนูปกติดีค่ะ ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงของคุณค่ะ”

พูดจบแล้วเธอก็ขยับเข้าไปใกล้หูของหลินหว่านชิว พูดเสียงเบาว่า “น้าหลินคะ ขออภัยด้วยจริงๆค่ะ เย่เฉินและภรรยาของเขานั่งอยู่ข้างๆหนู แล้วภรรยาของเขาก็ไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา เพราะงั้นมีหลายอย่างที่ไม่สะดวกคุยกันในสถานการณ์แบบนี้ พวกเรากลับไปแล้วค่อยคุยกันเป็นการส่วนตัวนะคะ”

หลินหว่านชิวได้ยินคำพูดนี้ ก็ตกใจอย่างมากขึ้นมาในทันที

เธอไม่ได้รู้ ว่าซูจือหยูรู้จักเย่เฉิน แล้วยังรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเย่เฉินด้วย!

สิ่งนี้ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะแอบคิดในใจว่า “ตามหลักแล้ว ตัวตนของเฉินเอ๋อเป็นความลับมาโดยตลอด ตัวเขาไม่มีทางไปป่าวประกาศเองแน่นอน เพราะงั้นซูจือหยูรู้จักเขาได้ยังไงกัน?”

“หรือว่าเฉินเอ๋อเป็นคนบอกกับเธอเอง? ก็ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่นี่นา!เฉินเอ๋อรู้สึกมาตลอดว่าตระกูลซูมีความเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อแม่เขา อย่างนั้นแล้ว ตระกูลซูก็เป็นศัตรูของเขา แล้วเขาจะบอกความลับของตัวเองให้กับซูจือหยูได้ยังไงกัน?”