การเปรียบเทียบโดยเทพธิดาลงสู่พื้นดินของซูจือหยู ทำเอาเซียวชูหรันฟังจนพยักหน้าตามติดๆ

เธอคิดว่า ซูจือหยูพูดถูกมากๆ อีกอย่างแนวทางการพัฒนาของเรื่องราว ก็น่าจะเหมือนกับที่เธอคาดเดาไว้

เพียงแต่ เธอไม่รู้ว่าคำพูดพวกนี้เมื่อเข้าหูของเย่เฉินแล้ว จะเป็นความรู้สึกอีกแบบหนึ่ง

เย่เฉินรู้ คำพูดพวกนี้ของซูจือหยู เหมือนกับว่าจงใจเตือนภรรยา แต่ก็จงใจเตือนอย่างอ้อมๆมากๆเช่นกัน ทำเอาภรรยาไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าทุกอย่างนี้มีความเกี่ยวข้องกับเธอ

เย่เฉินไม่เข้าใจ ว่าทำไมซูจือหยูต้องพูดเรื่องพวกนี้กับเซียวชูหรัน หรือว่าเป็นการให้เซียวชูหรันทำใจไว้ก่อน?

แต่ว่า ตัวเองก็ไม่เคยคิดที่จะจากเซียวชูหรันไป

หรือว่า คำพูดนี้ของเธอจงใจพูดให้ตัวเขาเองฟังกันนะ?

แต่ว่านี่จะมีความหมายอะไรละ?

เย่เฉินไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไหร่นัก อีกอย่างเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจผู้หญิงอย่างซูจือหยูคนนี้ด้วย

เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาดมากเกินไป จึงเป็นเหตุให้เบื้องลึกหัวใจเขาคอยระวังไว้อยู่เสมอ

ทั้งสามคนเดินออกจากศูนย์ไปตามกลุ่มผู้คน แล้วซูจือหยูก็ถามเซียวชูหรันกับเย่เฉิน “ใช่สิประธานเซียว คุณเย่คะ พวกคุณมากันยังไงคะ?”

เซียวชูหรันพูด “พวกเราเรียกรถมาค่ะ”

ซูจือหยูรีบพูดว่า “โอ๊ะ งั้นเวลานี้พวกคุณเรียกรถได้ยากนะ ฉันคาดว่าพื้นที่ใกล้เคียงพวกเราตอนนี้ อย่างน้อยก็น่าจะมีคนกว่าหมื่นคนต้องการเรียกรถละนะคะ แม้ว่าจะใช้แอพในการเรียกรถ อย่างน้อยก็คงต้องรอชั่วโมงขึ้นไป ฉันขับรถมาพอดี ฉันไปส่งพวกคุณดีกว่ามั้ยคะ”

เซียวชูหรันรีบพูด “ไม่รบกวนคุณซูค่ะ พวกเราอยู่ห่างจากนี่ก็ไม่ไกลเท่าไหร่นัก เดินสัก20นาทีก็ถึงแล้วค่ะ”

ซูจือหยูรีบพูด “ได้ยังไงกันคะ ตอนนี้ดึกขนาดนี้แล้ว รอพวกคุณเดินถึงบ้าน จะต้องเหนื่อยมากแล้วแน่นอน และก็ต้องกระทบกับการทำงานวันพรุ่งนี้แน่ๆ อีกอย่าง ถ้าหากแม่ฉันรู้ว่าฉันดูคอนเสิร์ตเสร็จพร้อมกับพวกคุณ แล้วไม่ส่งพวกคุณกลับบ้าน จะต้องต่อว่าฉันแน่เลย ฉันไปส่งพวกคุณดีกว่าค่ะ ก็แค่ขับรถนิดหน่อยเท่านั้น ไม่ยุ่งยากรบกวนอะไรหรอกค่ะ”

เซียวชูหรันได้ยินคำพูดนี้ ก็ไม่สะดวกที่จะปฏิเสธอีก ดังนั้นจึงมองละถามเย่เฉินว่า “ที่รักคุณว่าไงคะ พวกเราจะเดินกลับหรือว่านั่งรถของคุณซูคะ?”

เย่เฉินเหลือบมองซูจือหยู พูดเสียงนิ่งเฉยว่า “ในเมื่อคุณซูมีความเมตตาเชิญกันขนาดนี้แล้ว พวกเราก็อย่าได้เสียน้ำใจของคนอื่นเขาเลย”

พูดจบ เขาก็มองไปทางซูจือหยู พูดอย่างจริงจังว่า “คุณซูครับ รบกวนคุณแล้วละครับ”

ซูจือหยูรีบพูดว่า “คุณเย่เกรงใจกันเกินไปแล้วค่ะ เรื่องแค่นี้เอง ฉันควรทำอยู่แล้วละค่ะ”

ในเวลานี้เอง ต่งรั่งหลินมองเห็นเซียวชูหรันในกลุ่มผู้คน จึงได้รีบเดินเข้ามาหา วิ่งไปด้วยพูดไปด้วยว่า “ชูหรัน พวกเธอกลับกันยังไง? พี่ชายฉันขับรถมารับฉันแล้ว ให้ฉันไปส่งพวกเธอมั้ย?”

ภารกิจของขงเต๋อหลงในตอนนี้มีเพียงแค่สองอย่าง หนึ่งก็คือไปลำบากอยู่ในหมู่บ้านชุมชน อีกอย่างหนึ่งคือเป็นคนขับรถให้ต่งรั่งหลิน เพราะงั้นเวลาปกติของต่งรั่งหลิน ไม่ว่าไปไหนก็มักจะพาเขาไปด้วยเสมอ แบบนี้ก็สามารถทำให้พี่ชายอย่างเขาคนนี้ไม่ต้องเบื่อมากขนาดนั้น

อีกอย่างต่งรั่งหลินเองก็มีความรู้สึกส่วนตัวของตัวเองด้วย

เธอรู้สึกว่าชีวิตความเป็นอยู่ของพี่ชายขงเต๋อหลงในหมู่บ้านชุมชนนั้นลำบากมากจริงๆ ที่ตัวเองเรียกเขาออกมาบ่อยๆ อย่างหนึ่งก็คือให้มาเป็นคนขับรถให้ตัวเอง อีกอย่างหนึ่งก็คือถ้าเป็นอย่างนี้ก็สามารถใช้ข้ออ้างในการทำงาน พาเขากินของดีๆสักหน่อย

เซียวชูหรันเห็นว่าต่งรั่งหลินเดินมา จึงรีบพูดว่า “ขอโทษด้วยนะรั่งหลิน ฉันนัดกับเพื่อนไว้แล้ว ว่าจะนั่งรถของเพื่อนกลับ เพราะงั้นไม่รบกวนเธอและพี่ชายเธอแล้วละ”

เวลานี้ต่งรั่งหลินถึงได้มองเห็นซูจือหยูที่อยู่ข้างกายเซียวชูหรัน

ในตอนที่เห็นซูจือหยู ต่งรั่งหลินถึงกับนิ่งอึ้งไปเลย

เธอจำซูจือหยูได้ในพริบตา เพราะยังไงซะซูจือหยูก็เป็นหลานสาวคนโตของตระกูลซู มีชื่อเสียงอย่างมากในวงการลูกคนรวยของเย่นจิง สามารถพูดได้ว่าเป็นคนที่เก่งมีความสามารถที่สุดในกลุ่มคนรวยของเย่นจิง

อีกอย่างถึงแม้ทั้งสองคนจะเรียกไม่ได้ว่าเป็นเพื่อนกัน แต่เมื่อก่อนยังไงซะก็ยังถือว่าเป็นคนคุ้นเคยได้บ้าง เคยเจอหน้ากันในงานสังคมระดับสูงหลายครั้ง

เพียงแต่เธอไม่คาดคิด ว่าทำไมซูจือหยูถึงอยู่ที่นี่