ดังนั้น เธอจึงถามออกไปว่า “คุณ…คุณซู? คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันคะ?”

ซูจือหยูเองก็ตกใจเล็กน้อย เธอจำต่งรั่งหลินได้ ลูกสาวของตระกูลต่ง เทียบกับตระกูลชั้นนำพวกนี้แล้วถึงแม้ตระกูลต่งจะห่างไกลกันไม่น้อย แต่ยังไงซะก็เป็นคนในวงการเดียวกัน ล้วนมีความเกี่ยวพันกันอยู่บ้าง

ดังนั้น เธอจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณต่งเองก็มาจินหลิงแล้ว ตั้งใจมาเพื่อดูงานคอนเสิร์ตโดยเฉพาะงั้นหรอคะ?”

ต่งรั่งหลินโบกมือ “ไม่ค่ะๆ ตอนนี้ฉันทำงานอยู่ที่จินหลิงค่ะ ทำอยู่ที่ตี้เหากรุ๊ปของเมืองจินหลิงนี่ค่ะ!”

ซูจือหยูพยักหน้า พูดยิ้มๆว่า “ที่แท้ก็ตี้เหากรุ๊ปที่มีชื่อเสียงโด่งดังนี่เอง”

พูดจบ เธอก็เหลือบมองเย่เฉิน ในแววตามีความคับข้องใจเล็กน้อย

เพราะว่าเมื่อเธอรู้ว่าต่งรั่งหลินทำงานอยู่ที่ตี้เหากรุ๊ป วินาทีแรกก็รู้สึกว่าเรื่องนี้มันบังเอิญมากไป

เธอแอบคิดในใจว่า “แม้ว่าตระกูลต่งจะเป็นเพียงเศรษฐีระดับหมื่นล้านเท่านั้น แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นต้องให้ลูกสาวบ้านตัวเองวิ่งมาทำงานไกลบ้านนับพันกิโลทีเมืองจินหลิง อีกอย่างตระกูลพวกนี้ของเย่นจิงต่างก็ฉลาดหลักแหลมกันทั้งนั้น ไม่มีใครจะทำเรื่องน่าอายแบบนี้ เรื่องมันไม่ปกติต้องมีอะไรแน่ๆ หมากตัวนี้ของตระกูลต่งจะต้องมีความหมายลึกซึ้งอะไรแน่นอน”

ยังไม่ทันรอให้ใจเธอรู้สึกแปลกใจได้สักพัก เธอก็เข้าใจขึ้นมาทันที ในใจอุทานว่า “จะต้องเป็นเพราะเย่เฉินแน่ๆ!”

แม้จะไม่รู้ว่าตระกูลต่งใช้วิธีอะไร ที่หาเบาะแสเกี่ยวกับเย่เฉินมาได้ แต่ต่งรั่งหลินจะต้องมาเพราะเย่เฉินแน่นอน

เซียชูหรันที่อยู่ด้านข้างไม่รู้ฐานะทางบ้านที่แท้จริงของซูจือหยู เธอย่งเกี่ยวกับงานอยู่ทั้งวันทั้งคืน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ซูจือหยูจะเกิดอุบัติเหตุที่ภูเขาจื่อจินซานจนเรื่องใหญ่โต แต่เซียวชูหรันก็เพียงแค่เคยได้ยินเรื่องนี้มาบ้างก็เท่านั้น ไม่ได้เสนอตัวไปสอบถามแน่ชัด

ดังนั้น เธอจึงถามต่งรั่งหลินอย่างตกใจเล็กน้อยว่า “รั่งหลิน เธอก็รู้จักคุณซูงั้นหรอ?”

ต่งรั่งหลินกำลังอยากจะพูด ซูจือหยูก็แย่งพูดก่อน “ก่อนหน้านี้ที่ฉันทำงานที่เย่นจิง เคยได้ร่วมธุรกิจกับตระกูลของคุณต่งค่ะ พูดไปแล้วเมื่อก่อนคุณต่งเองก็เคยเป็นผู้ร่วมธุรกิจกับฉันนะคะ”

ต่งรั่งหลินได้ยินอย่างนี้ ก็เข้าใจในทันที ว่าซูจือหยูไม่อยากให้ตัวเองพูดฐานะตัวตนที่แท้จริงของเธอออกมา

ดังนั้น เธอจึงทำได้เพียงตามน้ำไปกับคำพูดของซูจือหยู พยักหน้าและพูดกับเซียวชูหรันว่า​ “เป็นแบบนี้แหละ เพียงแค่ไม่คิดว่าชูหรันเองก็รู้จักกับคุณซู”

เซียวชูหรันเองก็ไม่ได้สงสัย พูดยิ้มๆว่า “แม่ของคุณซูเป็นลูกค้าของฉัน พวกเราก็เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นานหรอก”

“เข้าใจแล้ว” ต่งรั่งหลินพยักหน้าเบาๆ

ซูจือหยูเองก็ถามอย่างสงสัยมากว่า “ใช่สิประธานเซียว คุณกับคุณต่งรู้จักกันได้ยังไงคะ?”

เซีนยวชูหรันตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “พวกเราสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันค่ะ เมื่อก่อนเป็นเพื่อนร่วมมหาลัยกัน รวมทั้งเย่เฉินเองเมื่อก่อนก็เคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับพวกเราหนึ่งปีค่ะ”

ภายในใจของซูจือหยูก็ยิ่งตกใจยิงขึ้น “นี่มันอะไรกันแน่? เย่เฉินเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับภรรยาของเขา แล้วก็ต่งรั่งหลินคนนี้ด้วย? แต่ต่งรั่งหลินนี่มาทำงานที่เมืองจินหลิง จะต้องมาเพื่อเย่เฉินแน่นอน อีกอย่างเธอก็ยังทำงานอยู่ที่ตี้เหากรุ๊ปของเย่เฉินด้วย หรือว่าต่งรั่งหลินคนนี้เป็นคนรักที่เย่เฉินเลี้ยงไว้ใกล้ตัวเซียวชูหรัน? ถ้าหากว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ งั้นเย่เฉินก็ซ่อนเก่ง เล่นซะเก่งกาจเชียว!”

คิดถึงนี่ ความคิดวิเคราะห์แยกแยะในใจของเธอก็เริ่มทำงานอีกแล้ว

เธอรู้สึกว่า “ก็เหมือนจะไม่ถูก จากที่ฉันรู้จักเย่เฉินมา เขาไม่ใช่คนที่จะเลี้ยงมือที่สามลับหลังภรรยาแน่นอน อีกอย่างก็คือยิ่งไม่มีทางไปยุ่งหรือคบหากับเพื่อนร่วมชั้นมหาลัยที่เป็นถึงเพื่อนสนิทของภรรยาแน่นอน….งั้นหรือว่า ต่งรั่งหลินไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเย่เฉิน? เพียงแค่เห็นเขาเป็นเพื่อน รวมทั้งสามีของเพื่อนสนิทเท่านั้น?”

เมื่อคิดมาจนถึงตรงนี้ ซูจือหยูจึงได้พูดแบบลองถามอ้อมๆว่า “ใช่สิคุณต่งคะ ในเมื่อคุณทำงานอยู่ที่ตี้เหากรุ๊ป งั้นฉันมีคำขออย่างหนึ่ง ที่ฉันมีโครงการบางอย่างที่อยากร่วมงานกับตี้เหากรุ๊ปสักหน่อย ไม่ทราบว่าคุณสามารถแนะนำกับท่านประธานตี้เหากรุ๊ปของพวกคุณหน่อยได้มั้ยคะ?”