ต่งรั่งหลินได้ยินคำพูดนี้ ก็ตอบอย่างอึดอัดเล็กน้อยว่า “คุณซูคะ แม้ว่าฉันจะมาที่ตี้เหากรุ๊ปได้ปีนึงแล้ว แต่พูดความจริงนะคะ ฉันยังไม่เคยเจอท่านประธานของพวกเรามาก่อนเลย เหมือนว่าเขาจะไม่เคยเข้ามาบริษัทเลย งานของบริษัทล้วนมีคุณหวังตงเสวี่ยนรองประธานหวังรับผิดชอบค่ะ ไม่ก็ฉันช่วยคุณแนะนำให้เธอ?”

“แบบนี้หรอคะ” ซูจือหยูเข้าใจในทันที ดูแล้ว ต่งรั่งหลินไม่รู้ตัวตนสองด้านของเย่เฉิน

คิดถึงนี่ เธอแอบยิ้มในใจ “ต่งรั่งหลินนี่ก็โง่จริงๆ เธอมาต้องมาจินหลิงเพื่อเย่เฉินแน่ๆ แต่มานานขนาดนี้แล้วแม้แต่ตัวตนของเย่เฉินก็ยังไม่รู้….”

ต่งรั่งหลินสังเกตเห็นว่า สายตาที่ซูจือหยูมองตัวเอง ดูแปลกอยู่ไม่มากก็น้อย

เธอเองก็อดไม่ได้ที่จะมองซูจือหยู แต่เมื่อทั้งสองคนสบตากัน ต่งรั่งหลินรู้สึกว่าเวลาตัวเองอยู่ต่อหน้าซูจือหยูก็มักรู้สึกกดดันมากอยู่เสมอ ดังนั้นจึงรีบพูดว่า “งั้น ชูหรัน เย่เฉิน ในเมื่อพวกเธอจะกลับกับคุณซู งั้นฉันก็ไม่ส่งพวกเธอแล้วนะ พี่ชายฉันยังรอฉันอยู่ที่ลานจอดรถ ฉันไปก่อนละ”

พูดจบ เธอก็รีบพูดกับซูจือหยูอีกว่า “คุณซูคะ ฉันไปก่อนนะคะ ขับรถกันช้าๆนะคะ”

ซูจือหยูพยักหน้า แล้วนึกอะไรขึ้นได้ จึงรีบพูดว่า “ใช่สิคุณต่ง ช่วงนี้ฉันน่าจะต้องอยู่ที่เมืองจินหลิง พวกเราสองคนก็ถือได้ว่าเป็นการได้เจอคนรู้จักในพื้นที่ไกลบ้าน ไม่ก็คุณให้ช่องทางติดต่อของคุณไว้ให้กับฉันหน่อยแล้วกันค่ะ ถ้าหากว่ามีเวลาแล้วฉันเลี้ยงข้าวคุณ”

แม้ว่าต่งรั่งหลินจะรู้จักซูจือหยู แต่ถ้าตามระดับแล้ว เธอห่างไกลจากซูจือหยูมากเลยละ

ความแตกต่างของทั้งสองคน เป็นความแตกต่างราวห้ากับเหวที่ว่ถึงแม้จะอยู่ในงานเลี้ยงเดียวกัน ก็ไม่มีทางได้นั่งโต๊ะเดียวกันแบบนั้น ดังนั้นเธอกับซูจือหยูจึงไม่มีช่องทางติดต่อซึ่งกันและกัน และยิ่งไม่เคยกินข้าวด้วยกันเองเป็นการส่วนตัว

ตอนนี้ซูจือหยูเสนอตัวชวนเธอกินข้าวด้วยกัน ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจที่ได้รับความสนใจอยู่บ้าง

ดังนั้นต่งรั่งหลินแทบจะไม่ลังเลก็ตอบตกลงแล้ว แล้วรีบล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาพูดว่า “ได้สิคะคุณซู ช่วงเวลาที่ฉันมาจินหลิงจะต้องนานกว่าคุณแน่นอน เพราะงั้นฉันเลี้ยงคุณดีกว่าค่ะ ยังไงฉันก็นับเป็นเจ้าถิ่นอยู่ครึ่งหนึ่ง”

ซูจือหยูพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้สิคะ คุณเลี้ยงฉันก่อน แล้ววันหลังฉันค่อยเลี้ยงคุณคืนก็เหมือนกัน”

ต่งรั่งหลินรีบพูดว่า “ได้ค่ะ คุณซู พวกเราสองคนเพิ่มวีแชทกันเถอะ ฉันสแกนคุณเองค่ะ”

ซูจือหยูพยักหน้า ลวงเอาโทรศัพท์ออกมา ค้นหาคิวอาร์โค้ดวีแชทของตัวเอง จากนั้นก็ตอบรับคำขอเป็นเพื่อนของต่งรั่งหลิน

วินาทีที่เพิ่มเพื่อนกับซูจือหยู เบื้องลึกหัวใจของต่งรั่งหลิน มีความตื่นเต้นกระโดดโลดโผนอยู่บ้างจริงๆ

นี่จะโทษว่าเธอหัวสูงไม่ได้ เพราะยังไงซะเธอก็โตมาในสภาพแวดล้อมสังคมระดับสูงของเย่นจิง

ส่วนอำนาจของตระกูลต่ง เทียบกับสังคมระดับสูงของทั้งเย่นจิงแล้ว ก็สามารถอยู่ได้แค่ในระดับกลางถึงล่างเท่านั้น

ดังนั้น คนในระดับอย่างพวกเขา คุ้นชินกับการหาทางรอดในสังคมระดับสูงกันทั้งนั้น และก็จะรักษาโอกาสที่จะสามารถเข้าหาผู้คนระดับสูงอันดับต้นๆในทุกครั้งมากๆ

เพียงแต่ เย่เฉินเห็นว่าซูจือหยูทำตัวดีกับต่งรั่งหลินก่อน และถึงขั้นอยากจะชวนกินข้าวเป็นการส่วนตัว ในใจเกิดความสงสัย ไม่เข้าใจซูจือหยูผู้หญิงคนนี้ว่าอยากจะทำอะไร

เมื่อทั้งสองคนเพิ่มวีแชทกันแล้ว ทุกคนก็เดินมาลานจอดรถด้วยกัน รถของต่งรั่งหลินและรถของซูจือหยูไม่ได้จอดอยู่ในโซนเดียวกัน ดังนั้นจึงโบกมือลากับทั้งสามคนที่ทางเข้าลานจอดรถ

เย่เฉินและเซียวชูหรันตามซูจือหยู หารถของเธอจนเจอ

เย่เฉินไม่คิดเลยว่า ซูจือหยูออกจากบ้านคนเดียว แล้วรถที่ขับจะเป็น Audi Q5 Off-Road ที่ธรรมดาขนาดนี้ ห่างไกลจากฐานะของเธอมากจริงๆ

ซูจือหยูมองดูเย่เฉินและเซียวชูหรัน พูดยิ้มๆว่า “รถไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หวังว่าทั้งสองคนจะไม่รังเกียจนะคะ”

เซียวชูหรันรีบพูดว่า “จะเป็นงั้นได้ไงละคะ นี่มันดีมากแล้วค่ะ!”

ซูจือหยูพูดยิ้มๆว่า “พวกคุณไม่รังเกียจก็ดีแล้วค่ะ งั้นพวกคุณสองสามีภรรยานั่งเบาะหลังแล้วกันค่ะ”

“ค่ะ” เซียชูหรันตอบรับคำหนึ่ง แล้วก็ขึ้นเบาะหลังรถQ5พร้อมกับเย่เฉิน แล้วซูจือหยูก็สตาร์ตรถ ขับรถไปยัง Tomson Riviera