แม้ว่าซูโสว่เต้าไม่ใช่ฆาตกรที่ฆ่าพ่อแม่ของเขาโดยตรง แต่นี่สำหรับเย่เฉิน ก็เป็นการเริ่มต้นที่สำคัญมาก คิดว่า ตั้งแต่จากซูโสว่เต้าเป็นต้นไป เขาจะลากคอ คนที่เคยเป็นศัตรูของพ่อแม่ออกมาทีละคน ให้พวกเขาชดใช้กรรมให้กับการกระทำในอดีต!

และนอกเหนือจากเย่เฉิน ยังมีอีกคนหนึ่งก็กำลังคิดถึงพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษในครั้งนี้ คนคนนั้นก็คือซูโสว่เต้าที่ตัวอยู่ซีเรีย

ในช่วงเวลานี้ ซูโสว่เต้าได้แต่ใช้ชีวิตอย่างนับวันเวลา เพราะเขารู้ว่า ช่วงเวลายิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้าเทศกาลเช็งเม้งมากขึ้นเรื่อยๆ ก็หมายความว่าช่วงเวลาวันที่ตัวเองจะกลับประเทศยิ่งอยู่ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

แม้ว่าเขาจะรู้ว่า สิ่งที่เรียกว่ากลับประเทศ อันที่จริงก็คือถูกเย่เฉินจับไปที่หลุมฝังศพ ก้มกราบคำนับยอมรับผิดกับเย่ฉางอิง สิ่งนี้สำหรับเขา โดยพื้นฐานเป็นการดูถูกอย่างสมบูรณ์

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็รอคอยวันนี้เป็นอย่างมาก และยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

เพราะว่า ในใจของเขารู้ดีเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ: “ถ้าหากฉันอยู่สถานที่รกร้างอย่างซีเรียนี้ไปตลอด อยู่ในฐานทัพของฮามิด งั้นที่อยู่ของฉันก็ไม่มีทางที่คนอื่นจะรู้ไปตลอดกาล!”

“แต่ถ้าหากเย่เฉินสามารถให้ฉันกลับประเทศได้ แม้ว่าจะให้ฉันไปก้มกราบคำนับที่หลุมศพบรรพบุรุษของตระกูลเย่ ฉันก็จะมีโอกาสอย่างแน่นอน ทำให้คนของตระกูลซูรู้สถานการณ์ของฉันอย่างละเอียด!”

“ไม่แน่ พ่อยังสามารถมีวิธีช่วยฉันออกไปได้”

“ถ้าไม่ได้จริง เขายังสามารถไปเจรจากับเย่เฉินได้ เรื่องใหญ่ก็ให้ผลประโยชน์บ้าง แลกเปลี่ยนฉันกลับไป”

“ดังนั้น แม้ว่าจะมีโอกาสเพียงหนึ่งในร้อย ก็ยังดีกว่าไม่มีโอกาสเลย!”

ในช่วงเวลานี้ วันเวลาที่ซูโสว่เต้าอยู่ในซีเรียไม่ได้ดี

สภาพยากลำบากนั้นกลับพูดง่าย เริ่มแรกยังปรับตัวไม่ได้ บางวันเวลาก็ค่อยๆสามารถยอมรับได้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่ทำให้ซูโสว่เต้ากลัดกลุ้มใจที่สุดคือ ฮามิดไม่รู้ว่าสมองผิดปกติตรงไหน เริ่มสร้างโครงสร้างพื้นฐานในรังบนภูเขาแห่งนี้!

บนภูเขาบริเวณโดยรอบ ได้ยินเสียงการก่อสร้างที่หนวกหูตลอดหนึ่งวันยี่สิบสี่ชั่วโมง และเสียงคำรามของเครื่องจักรต่างๆก็รายล้อมรอบตัวเขา

เท่าที่เขาสังเกตการณ์ ตอนนี้ในฐานทัพ สร้างโรงงานผสมคอนกรีตมากกว่าหนึ่งแห่ง ผลิตคอนกรีตตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงทุกวัน ต่อจากนั้นก็มีปั๊มคอนกรีตแรงดันสูง ถูกส่งไปยังยอดเขาโดยรอบทีละจุด และยอดเขาบริเวณโดยรอบ การเคลื่อนไหวของวัตถุระเบิดเพื่อเปิดทางภูเขาก็เกิดขึ้นเป็นครั้งคราว ไม่แน่เวลาไหนก็ยิงปืนใหญ่ บางครั้งแม้ว่าในช่วงเช้าตรู่ก็ยิงปืนใหญ่

ทุกครั้งที่ยิงปืนใหญ่ ตามด้วยพื้นดินจะสั่นสะเทือนอย่างฉับพลัน

นี่ก็ช่างเถอะ สิ่งที่น่ารำคาญยิ่งกว่าก็คือ ทุกครั้งหลังจากที่ระเบิดเปิดทางภูเขา เครื่องกะเทาะคอนกรีต เครื่องสกัดคอนกรีตนับไม่ถ้วนก็คำรามราวกับเหมือนปืนกลอย่างไม่หยุดหย่อน

ในเวลานี้ในตะวันออกกลาง ท้องฟ้าเพิ่งสว่าง แต่ซูโสว่เต้าสองชั่วโมงก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็ผล็อยหลับไปอย่างยากลำบากในตอนกลางคืนที่มีเสียงเครื่องจักรคำราม

เขาที่เพิ่งนอนหลับไปสองชั่วโมง ก็ได้ยินเสียงระเบิดตูมตามอยู่ข้างนอกหลายครั้ง แรงสั่นสะเทือนของระเบิดเกือบทำให้หลังคาของเขาถล่ม ทำให้เขาตกใจจนตื่นจากการนอนหลับในทันที ยังคิดว่าทำสงคราม และวิ่งออกไปข้างนอกอย่างรวดเร็ว

เพิ่งจะวิ่งออกมา ก็ถูกทหารที่ยืนเฝ้าอยู่บนหลังคาตรงข้ามค้นพบในทันที อีกฝ่ายใช้ปืนเล็งไปที่เขาในทันที ใช้ภาษาจีนที่ไม่ค่อยคล่องแคล่วตะโกนด้วยความโกรธ: “ทำอะไรน่ะ?! ถ้าพยายามวิ่งออกไปข้างนอกอีกฉันก็จะยิงปืนแล้ว!”

ซูโสว่เต้าโกรธจนด่าแม่ และอ้าปากพูดว่า: “ยังแม่งจ้องมองฉันเหรอ? ลูกกระสุนปืนใหญ่ของศัตรูยิงมาถึงตรงหน้าแล้ว แกยังไม่รีบไปเป็นกำลังเสริมที่ตำแหน่งแนวหน้า!”

เมื่อคนคนนั้นได้ยินคำพูดแบบนี้ วางปืนลง โบกมือพูดว่า: “ไม่ต้องกลัว ไม่ได้ทำสงครามกัน นั่นเป็นหน่วยทหารช่างก่อสร้างของพวกเรากำลังเปิดทางภูเขา เมื่อกี้นี้จุดระเบิดหน้างานหกลูกทีเดียว ดังนั้นการเคลื่อนไหวมากไปหน่อย เรื่องเล็กน้อยน่ะ!”

“เยสเข้!”

ซูโสว่เต้ากระทืบเท้าด่าว่า: “พวกแกบ้าไปแล้วหรือเปล่า? วางระเบิดเปิดทางภูเขาตลอดทั้งวัน วางระเบิดเสร็จ เครื่องกะเทาะคอนกรีตหนึ่งร้อยกว่าเครื่องนั้นก็ส่งเสียงดังก้องอยู่บนภูเขา สร้างความโกลาหลทั้งวันทั้งคืน ยังมีคอมเพรสเซอร์อีกสิบเครื่อง ของบ้านั้นอยู่ดีๆก็เริ่มส่งเสียงดังตูมตามมากอย่างกะทันหัน แม่งผิดปกติเหมือนกับโรคพาร์กินสัน แม่งยังจะให้คนมีชีวิตอยู่หรือเปล่า?!”