อิโตะ นานาโกะยิ้มพร้อมเอ่ยว่า: “เย่เฉินซังมี CEO ที่มีความสามารถเหนือล้นอย่างจือชิวอยู่ทั้งคน คนภายนอกจะต้องไม่มีทางสงสัยในศักยภาพของบริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดแน่นอน จากการได้สัมผัสสองสามวันนี้ ฉันมีความนับถือเธอเพิ่มขึ้นมาก อยากจะขุดเธอมาช่วยฉันที่อิโตะกรุ๊ปจริง ๆ เลยค่ะ!” เย่เฉินเอ่ย: “ถ้างั้นคุณกลับไปเจรจากับพ่อแม่คุณได้เลย พร้อมทั้งรวบรวมกิจการทางการขนส่งของตระกูลอิโตะเข้ามาด้วย พวกเราทั้งสามฝ่ายร่วมแรงร่วมใจกัน ทำให้บริษัท นานาซูขนส่ง จำกัดกลายเป็นบริษัทขนส่งสุดยอดของโลก ไม่แน่ว่าในอนาคตอาจเข้าตลาดที่สหรัฐอเมริกาได้” อิโตะ นานาโกะได้ยินประโยคนี้แล้ว ทันใดนั้นดวงตาก็สว่างวาบ จึงได้เอ่ยว่า: “ความคิดนี้เยี่ยมมาก! แทนที่จะแสร้งสวมบทเป็นผู้ถือหุ้น ไม่สู้มาเข้าร่วมจริงๆ เลยจะดีกว่า เดี๋ยวกลับไปฉันจะเจรจากับพ่อแม่สักหน่อย เชื่อว่าเขาน่าจะไม่มีข้อโต้แย้งแน่นอน!” ซูจือหยูเองก็เอ่ยขึ้นด้วยความจริงจังขึ้นมาเช่นกัน: “ฉันก็รู้สึกว่าแผนการนี้ของผู้มีพระคุณเป็นไปได้มากๆ ถ้าทั้งสามตระกูลร่วมลงทุนกัน เช่นนั้นผู้มีพระคุณก็จะถือหุ้น 34% ฉันกับนานาโกะถือหุ้นกันคนละ 33% รวบรวมทรัพยากรของเราทั้งหลายไว้ด้วยกัน ทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เชื่อว่าจะต้องสามารถก่อตั้งให้ยิ่งใหญ่ได้!” เฮ่อจือชิวเอ่ยด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย: “ถ้าสามารถร่วมมือกันได้สามฝ่ายแบบนี้ได้จริงๆ ถ้างั้นพวกเราก็จะต้องคงกระพันในทั้งเอเชียแน่นอน อีกทั้งการร่วมมือกันแบบนี้มีแต่จะให้ผลประโยชน์ไม่มีโทษต่อพวกเราทั้งสามฝ่าย ไม่เพียงแต่สามารถรวบรวมพลังไว้ แล้วร่วมมือกันในวงในเพื่อรับมือกับภายนอก ยังสามารถหลีกเลี่ยงการเสียหายภายในเนื่องจากการแข่งขันกันเองอีกด้วย!” เมื่อเอ่ยถึงจริงนี้ เฮ่อจือชิวก็เอ่ยต่อ: “ปีนั้นมีสองแอปพลิเคชันในประเทศที่ต่อสู้กันใช้เงินมหาศาล เป็นการกำจัดศัตรูแต่ตนเองก็เสียผลประโยชน์เท่ากันจริงๆ สิ่งที่ทั้งสองฝ่ายแข่งกันไม่ใช่ความสามารถ แต่เป็นพลังชีวิต ใครมีพลังชีวิตมาก ผู้นั้นก็มีชีวิตรอดไปจนถึงสุดท้าย” “แต่ว่ารูปแบบธุรกิจแบบนี้ ผู้ที่มีชีวิตรอดเป็นคนสุดท้าย ต่อให้จะเอาชนะได้แล้วตนเองก็เสียผลประโยชน์เหมือนกัน เกรงว่าเมื่อถึงตอนนั้นก็คงหายใจแผ่วเบาแล้ว มักจะถูกคนอื่นฉวยโอกาสยามอ่อนแอเข้ามาได้ง่าย เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะร่วมมือกัน” “หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันเรียบร้อยแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่ต้องแข่งขันกันจนหนักหน่วง ถึงขั้นสามารถรวบรวมทรัพยากรเข้าด้วยกัน กลายเป็นอำนาจปกครองที่เกือบจะผูกขาด ทำการบีบคู่แข่งกิจการอื่นไปจนถึงขอบเขตเส้นตายทั้งหมดในชั่วพริบตา ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถใช้อำนาจปกครองของตนในการขึ้นราคาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย ดังนั้นราคาของพวกเขาจึงสูงขึ้นเรื่อยๆ การให้บริการย่ำแย่ลงเรื่อยๆ ก็เพราะเหตุผลนี้แหละ!” เฮ่อจือชิวเพิ่งเอ่ยจบ ซูจือหยูก็เอ่ยต่อทันที: “ถ้าพวกเรารวมกำลังแล้วกลายเป็นผู้ปกครองเด็ดขาด จะต้องสามารถส่งผลกระทบต่อราคาการขนส่งได้เหมือนกันแน่นอน!” เย่เฉินยิ้ม: “เรื่องนี้ให้นานาโกะกลับไปคุยกับคุณอิโตะก็แล้วกัน ถ้าคุณอิโตะสนใจละก็ ถึงตอนนั้นพวกคุณทั้งหลายก็มากำหนดรายละเอียดกัน ผมจะไม่เข้าร่วมด้วย” อิโตะ นานาโกะรีบเอ่ย: “ตอนนี้คุณพ่อยังไม่ออกจากหัวเซี่ย ตัวเขาเองอยู่ที่ป๋ายจินฮ่านกง เพียงแค่เพราะปัญหาสุขภาพท่านเลยไม่อยากออกมาสู่สายตาภายนอก ดังนั้นก็เลยไม่ได้มาร่วมงานแถลงข่าว อีกสักครู่หลังจากงานแถลงข่าวจบแล้ว ฉันจะไปหาท่านเป็นอย่างแรก แล้วถามความเห็นของท่าน” เย่เฉินพยักหน้า: “แบบนี้ก็ดี ไม่แน่ตอนเที่ยงพวกคุณจะได้ทานอาหารด้วยกันสักมื้อ ทานไปแล้วคุยเรื่องนี้ไปด้วยได้” อิโตะ นานาโกะเอ่ยถามด้วยสีหน้าตั้งตารอคอย: “เย่เฉินซัง ตอนเที่ยงคุณมาร่วมด้วยไหมคะ?” เย่เฉินยิ้ม เอ่ยว่า: “ตอนเที่ยงผมมีธุระน่ะ” เฮ่อจือชิวอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแขวะ: “เจ้านายชี้นิ้วสั่งอย่างคุณเนี่ยเป็นได้อย่างถึงที่สุดเกินไปมั้งคะ? ปกติเรื่องเล็กน้อยคุณไม่เข้าร่วมก็แล้วไป แต่เรื่องใหญ่แบบนี้คุณก็จะไม่เข้าร่วมด้วยอย่างนั้นเหรอ?” เย่เฉินผายมือออก เอ่ยอย่างจริงจัง: “ในด้านนี้ผมไม่เชี่ยวชาญเท่าพวกคุณ เพราะฉะนั้นผมไม่ได้ผสมโรงดีกว่า” ขณะที่เอ่ย เฉินจื๋อข่ายก็เดินเข้ามา พร้อมปริปากเอ่ย: “ทุกท่าน งานแถลงข่าวอีกห้านาทีจะเริ่มแล้ว ทางสื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติได้มาถึงกันหมดแล้ว” ซูจือหยูจึงได้เอ่ยกับสามสาว: “ถ้างั้นพวกเราไปกันก่อนเถอะ” เย่เฉินเอ่ยกับพวกเธอ: “พวกคุณไปก่อนเลย ผมมีธุระจะคุยกับเหล่าเฉินสักหน่อย” อิโตะ นานาโกะรีบเอ่ย: “เย่เฉินซัง คุณห้ามหลบอยู่ในห้องรับรองตลอดเชียวนะ อีกสักครู่ห้ามลืมมาดูงานแถลงข่าวล่ะ!” “โอเค!” เย่เฉินตอบรับ หลังจากมองส่งทั้งสี่คน ก็พูดกับเฉินจื๋อข่ายทันที: “เหล่าเฉิน นายบอกคุณปู่ฉันหน่อย พรุ่งนี้เช้าตรู่ฉันจะไปซีเรีย ให้พวกเขาส่งเครื่องบินคองคอร์ดมาที่จินหลิงคืนนี้เลย!”