เหตุผลที่ว่าดูฮวงจุ้ยนั้นไม่ได้รับการสงสัยจากคนในครอบครัวแต่อย่างใด แม้ว่าเซียวชูหรันจะไม่อยากให้เย่เฉินวิ่งไปดูฮวงจุ้ยให้คนอื่นต่ออีกแล้ว ทว่าก็รู้ว่าไม่มีทางที่จะบังคับเย่เฉินได้ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรมากมาย เย่เฉินทำการเก็บเสื้อผ้าติดตัวอย่างง่ายสองตัว ยามเช้าตรู่ฟ้ายังไม่สว่างก็เตรียมพร้อมออกจากบ้านแล้ว ใครจะคาดถึงว่าเซียวชูหรันเองก็แอบตั้งนาฬิกาปลุกตั้งแต่เช้าเช่นเดียวกัน เธอรีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว พร้อมยืนกรานว่าจะไปส่งเย่เฉินที่สนามบิน เย่เฉินเมื่อเห็นว่าเธอยืนกรานเช่นนี้ จึงไม่ได้ปฏิเสธ ขณะที่ทั้งสองคนตกลงกันว่าจะไปที่สนามบิน เย่เฉินก็เป็นผู้ขับรถ เมื่อถึงแล้วเซียวชูหรันก็ขับรถกลับมาเอง เหตุผลของเย่เฉินก็คือ หากทำเช่นนี้จะต้องไม่เปลืองเวลาในการขับไปที่ตึกจอดรถเพื่อจอดรถ สามารถจอดชั่วคราวที่ข้างทางหน้าประตูผู้โดยสารขาออก แล้วเดินเข้าทันทีเลยได้ เซียวชูหรันตอบตกลง สองสามีภรรยาออกจากบ้านพร้อมกัน เซียวชูหรันคิดว่าเย่เฉินแค่ไปเมืองหรงเท่านั้น ไม่รู้โดยสิ้นเชิงว่าสามีตนกำลังจะไปซีเรีย ดังนั้นระหว่างทางที่ไปก็ยังแนะนำของทานเล่นขึ้นชื่อของเมืองหรงกับเย่เฉินอีกด้วย บอกให้เขาหากมีเวลาว่างก็ไปลองดูได้ เมื่อถึงสนามบิน เย่เฉินจอดรถอยู่ข้างจุดผู้โดยสารขาออก พร้อมพูดกับเซียวชูหรันว่า: “เอาละ คุณรีบขับรถกลับบ้านเถอะ ถือโอกาสที่ยังเช้าอยู่ จะได้กลับไปนอนอีกสักหน่อย” เซียวชูหรันพยักหน้า ทั้งสองคนเดินออกจากรถยนต์ เซียวชูหรันเดินมาประตูทางฝั่งคนขับ ก่อนจะขึ้นรถยังเอ่ยถามเย่เฉินว่า: “ที่รัก ประมาณนานแค่ไหนคุณจะกลับมาเหรอ?” เย่เฉินครุ่นคิด เอ่ยว่า: “ถ้าเร็วก็หนึ่งถึงสองวัน ถ้าช้าก็สองสามวันประมาณนี้ หลักๆ ต้องดูว่าฮวงจุ้ยของพวกเขางทางนั้นจัดการยากหรือเปล่า ถ้าค่อนข้างยากละก็ อาจจะมาช้าสักหน่อย” “โอเคค่ะ” เซียวชูหรันพยักหน้าเบาๆ เอ่ยว่า: “ถ้างั้นสองสามวันนี้คุณต้องดูแลตัวเองให้ดีนะ ทานข้าวให้ตรงเวลา เข้านอนเร็วๆ ” “โอเค” เย่เฉินรับปากเต็มปากเต็มคำ พร้อมทั้งเอ่ยกำชับเธอ: “ตอนกลับไปต้องขับรถระวังหน่อยนะ” “อื้ม ฉันรู้ค่ะ!” เซียวชูหรันพูดจบ จึงขึ้นรถไปอย่างอาลัยอาวรณ์ แล้วขับรถจากไป เมื่อเย่เฉินเห็นว่าเธอขับรถไปไกลแล้ว จึงสาวเท้าเดินมุ่งไปยังตึกเครื่องบินธุรกิจ ในเวลานี้ เครื่องบินคองคอร์ดสุดล้ำค่าไม่มีที่เปรียบของเย่เฉิน ได้ทำการเตรียมพร้อมก่อนบินเรียบร้อยแล้ว เย่เฉินเดินผ่านการตรวจสัมภาระทางช่องวีไอพี หลังจากนั่งบนเครื่อง เป็นเวลาหกโมงเช้าของเย่นจิง ครั้นในเวลานี้ที่ซีเรียนั้นช้ากว่าหัวเซี่ยห้าชั่วโมง ในเวลานี้คือตีหนึ่ง เย่เฉินรู้สึกว่าฮามิดคงจะไม่นอนเร็วขนาดนั้น จึงได้ใช้โทรศัพท์ดาวเทียมบนเครื่องบินโทรหาฮามิด ฮามิดรับสายจากเบอร์แปลกหน้า หลังรับสาย จึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง: “ฮัลโหล?” เย่เฉินจึงรีบปริปาก: “ฮัลโหลบ้าบออะไร ผมเอง” ฮามิดเอ่ยอย่างตื่นเต้น: “ปัดโธ่เอ๊ย น้องเย่นี่เอง! ทำไมนายโทรหาฉันเอาเวลานี้ล่ะ?” เย่เฉินปริปาก เอ่ยว่า: “ตอนนี้ผมอยู่บนเครื่องบิน เครื่องบินกำลังจะบินไปยังสนามบินเบรุตของเลบานอน หลังจากที่ผมถึงสนามบินเบรุต จะเปลี่ยนเป็นเครื่องบินลำอื่นบินไปยังซีเรียทันที เมื่อถึงตอนนั้นก็จะโดดร่มลงที่ฐานของคุณเหมือนครั้งที่แล้ว ถ้าเร็ว ผมน่าจะถึงที่ซีเรียก่อนเวลาเช้าตรู่ของที่นั่น” “นายว่าอะไรนะ? นายจะมาซีเรีย?” ฮามิดได้ยินที่เขาพูด ก็รู้สึกตื่นเต้นสุดขีด จึงเอ่ยขึ้นมา: “น้องเย่ นี่นายไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม?” “ไม่ได้ล้อเล่นแน่นอน” เย่เฉินเอ่ยอย่างจริงจัง: “ครั้งนี้ที่ผมไปก็เพราะต้องการพาตัวซูโสว่เต้ากลับหัวเซี่ย ถือโอกาสดูสถานการณ์ทางคุณด้วย” “เยี่ยมไปเลย! เยี่ยมไปเลยจริงๆ !” ฮามิดเอ่ยอย่างตื่นเต้นดีใจ: “ฉันถึงขนาดฝันว่านายสามารถมาที่นี่เพื่อช่วยชี้แนะฉันสักหน่อย แต่ไม่กล้ามีความหวังมาตลอด คิดไม่ถึงว่าคราวนี้จะสมปรารถนาแล้ว!” สิ้นเสียง ฮามิดก็เอ่ยถามอย่างฉงนใจ: “เอ๊ะ จริงสิน้องรัก นายบอกว่าจะมาถึงก่อนฟ้าสว่างงั้นเหรอ? อีกห้าชั่วโมงทางเราก็จะฟ้าสว่างแล้วนะ นายบินจากหัวเซี่ยมา อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสิบชั่วโมงหรือเปล่า?”