เย่เฉินขึ้นเฮลิคอปเตอร์และมาถึงพื้นที่รกร้างห่างจากฐานฮามิดประมาณ 50 กิโลเมตร ขณะนี้ เฮลิคอปเตอร์ของรัฐบาล 2 ลำจอดอยู่ที่นี่แล้ว พร้อมเจ้าหน้าที่ติดอาวุธอีกสิบกว่าคน ที่ประกอบด้วยกองกำลังของรัฐบาลและทหารของสำนักว่านหลง เฮลิคอปเตอร์ที่เย่เฉินนั่งอยู่ได้ร่อนลงอย่างช้า ๆ ในพื้นที่เปิดโล่งด้านหน้าเฮลิคอปเตอร์สองลำของฝ่ายตรงข้าม ภายใต้การแนะนำของทหารฝ่ายตรงข้าม เมื่อเฮลิคอปเตอร์จอด เย่เฉินที่สวมหน้ากากเปิดประตูแล้วกระโดดลงไป ขณะนี้ ทหารซีเรียที่อยู่ด้านข้างก้าวไปข้างหน้าและกล่าวด้วยภาษาที่เย่เฉินไม่เข้าใจ เย่เฉินโบกมือและกล่าวว่า “โปรดสื่อสารเป็นภาษาจีนหรือภาษาอังกฤษ!” เจ้าหน้าที่ของกองทัพรัฐบาลก้าวไปข้างหน้าและกล่าวเป็นภาษาจีนที่ไม่ค่อยถนัด “ภาษาจีนของผม…..ค่อนข้างอ่อน……” ขณะนี้ ชายผิวเหลืองคนหนึ่งของทหารสำนักว่านหลงก้าวไปข้างหน้าด้วยท่าทางประหลาดใจและถามเย่เฉินเป็นภาษาจีนว่า “คุณเป็นคนหัวเซี่ยหรือ?” บุคคลนี้เป็นผู้คุ้มกันส่วนตัวของเฉินจงเหล่ยชื่อสวียินตง สวียินตงอายุน้อยกว่าเฉินจงเหล่ยสองปี ทั้งคู่เป็นคนแอฟริกาเชื้อสายจีน เมื่อก่อนพ่อแม่ทั้งสองเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ แต่ที่แอฟริกานั้นเกิดความวุ่นวายตั้งแต่แรก ๆ แล้ว ทำให้บริษัทที่พ่อแม่พวกเขาทั้งคู่ทำงานหนักสร้างมาถูกพวกอันธพาลปล้น พ่อแม่ทั้งคู่เสียชีวิตด้วยน้ำมือของพวกอันธพาล ตอนที่พยายามปกป้องธุรกิจที่พวกเขาสร้างมาตลอดชีวิต และก่อนที่พ่อแม่ของพวกเขาจะเสียชีวิต พวกเขาได้ผลักเด็กอายุสิบกว่าปีลงไปในแม่น้ำ และทั้งสองเกาะขอนไม้ไว้และลอยไปตามกระแสน้ำเกือบ 100 กิโลเมตร จากนั้นพวกเขาถึงได้รอดชีวิต ทั้งสองที่รอดชีวิตพึ่งพาอาศัยกันและกัน เคยเป็นขอทาน ขโมย และกระทั่งไปทำงานกับเจ้านายใจดำพร้อมกัน ต่อมาเพื่อความอยู่รอด พวกเขาจึงไปเข้าร่วมกองโจรที่โคลอมเบีย ขณะนั้นเกิดความโกลาหลในโคลอมเบีย ถึงแม้ว่ากองโจรต่างอ้างว่าต่อสู้กับความอยุติธรรมทางสังคม แต่จริง ๆ แล้วหลายคนเป็นองค์กรโจรที่ยึดครองภูเขา ชายหนุ่มสองคนอยู่ในกองโจรหลายปี และถือว่าพวกเขาได้รับประสบการณ์การต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา ต่อมาเมื่อพวกเขาพบว่านพั่วจวิน พวกเขาก็เข้าร่วมเป็นสมาชิกของสำนักว่านหลงพร้อมกัน เพียงแต่ความสามารถของสวียินตงนั้นด้อยกว่าเฉินจงเหล่ยมาก ขณะที่เฉินจงเหล่ยเลื่อนตำแหน่งอย่างสบายในสำนักว่านหลง แต่สวียินตงก้าวตามไม่ทัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากเฉินจงเหล่ยกับเขาเป็นพี่น้องที่ความเคยผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน ดังนั้นเฉินจงเหล่ยจึงให้เขาอยู่ข้างกาย และหาทุกวิถีทางเพื่อให้เขาได้รับตำแหน่งนายพลสามดาว กล่าวได้ว่า สวียินตงเป็นนายพลสามดาวของสำนักว่านหลงที่ระดับการต่อสู้แย่ที่สุด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาเป็นผู้คุ้มกันส่วนตัวของเฉินจงเหล่ย เขาจึงไม่จำเป็นต้องนำทัพออกรบโดยตรง ดังนั้นทุกคนจึงไม่ได้ตามเรื่องนี้มากเกินไป ขณะนี้ เย่เฉินมองสวียินตงซึ่งอายุใกล้เคียงกับตนเอง และมีใบหน้าแบบคนเอเชียตะวันออก และถามราบเรียบว่า “คุณเป็นคนจีนด้วยหรือ?” “คนแอฟริกันเชื้อสายจีน” สวียินตงตอบ และถามเย่เฉินด้วยความประหลาดใจ “ทำไมผมไม่เคยได้ยินว่ามีชาวจีนอยู่ในกองทัพของฮามิดด้วย? คุณเป็นคนจีน คุณไปยุ่งกับฮามิดทำไม?” ทุกคนในสำนักว่านหลงรู้ว่าฮามิดเป็นกองทัพต่อต้านในพื้นที่ และเดิมทีพวกเขามีความศรัทธา ดังนั้นกองกำลังของเขาจะเป็นชาวซีเรียทั้งหมด แต่สิ่งที่สวียินตงคิดไม่ถึงคือฮามิดได้ส่งคนจีนมาเป็นตัวแทนในการเจรจาสงบศึก เมื่อเย่เฉินเห็นท่าทีประหลาดใจของอีกฝ่าย จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “สำนักว่านหลงของคุณยังสามารถมีสมาชิกจากทั่วทุกมุมโลก ทำไมจะมีชาวจีนอย่างผมอยู่ในกองทัพของผู้บัญชาการฮามิดไม่ได้ล่ะ?” สวียินตงตกตะลึงครู่หนึ่ง เขานึกไม่ถึงว่าผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าคนนี้ จะกล้าเปรียบเทียบกับสมาชิกของสำนักว่านหลง และเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ หลังนั้น เขากล่าวด้วยความภาคภูมิใจทันทีว่า “สำนักว่านหลงของพวกเราเป็นองค์กรทหารรับจ้างที่รวบรวมทหารรับจ้างชั้นนำของโลก และกระทั่งมีทหารจำนวนมากที่เคยเป็นทหารในกองกำลังพิเศษของประเทศนี้ ส่วนทหารของฮามิดไม่รู้หนังสือมากกว่าครึ่ง จะเหมือนกันได้อย่างไร ช่องว่างเช่นนี้ ใหญ่กว่าช่องว่างระหว่างสหรัฐอเมริกาและซิมบับเวมาก!” เย่เฉิหัวเราะแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขาถามสวียินตงด้วยความสงสัย “ผมมีคำถามที่ไม่เข้าใจ คุณช่วยชี้แนะได้ไหม?