เมื่อเฉินจงเหล่ยได้ยินคำพูดของเย่เฉิน ตอนแรกเขาตกตะลึง หลังจากนั้นกล่าวเยาะเย้ยว่า “ความคิดของคุณนั้นไม่เลว แต่เขาไม่สามารถฟื้นคืนมาได้หรอก!” หลังจากกล่าวจบ เฉินจงเหล่ยกล่าวอีกครั้งว่า “ถึงแม้คุณจะเล่าเรื่องนี้……..ให้ผู้บัญชาการระดับสูงสุดของกองทัพรัฐบาล…..พวกเขา…พวกเขาไม่เชื่อ……คำพูดเพียงฝ่ายเดียวของศัตรูหรอก!” “คนเดียวที่สามารถทำให้…….ผู้บัญชาการระดับสูงสุดของกองทัพรัฐบาล…….เชื่อเรื่องนี้ มีเพียงเขาเท่านั้น!” “แต่…….เขาตายไปแล้ว! คนตายนั้น…….ไม่สามารถพูดอะไรได้ตลอดไป!” เย่เฉินมุ่ยปากและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่เป็นไร แค่เพียงไม่กี่นาที ร่างกายยังไม่แข็ง ยังมีโอกาสช่วยชีวิตได้” “เป็นไปไม่ได้!” เฉินจงเหล่ยไม่สามารถซ่อนความหวาดกลัวและกล่าวโพล่งออกมา “ถึงแม้ผมจะไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมด แต่หัวใจของเขาเสียหายอย่างหนัก เทพเซียนก็ไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้หรอก!” เย่เฉินถามเขาด้วยรอยยิ้มว่า “เหตุผลที่คุณไม่ได้ใช้กำลังทั้งหมดเมื่อสักครู่ เป็นเพราะคุณต้องการใส่ร้ายป้ายสีผมใช่ไหม?” หลังจากนั้น เย่เฉินกล่าวพึมพำว่า “เมื่อสักครู่ผมก็สงสัยอยู่ เพราะจะยังไงสุนัขชราอย่างคุณก็เป็นนักบู๊หกดาว ถ้าคุณใช้กำลังทั้งหมดชกออกไป เกรงว่าเลือดคงทะลักออกมาจากหัวใจของเขาทันที และเหตุผลที่คุณเจตนาออมกำลัง เพื่อลดความสงสัยของคนอื่นในตัวคุณ และเพื่อที่จะให้ผมเป็นแพะรับปากใช่ไหม” เฉินจงเหล่ยกล่าวอย่างดื้อรั้น “ถูกต้อง ผม…..ผมอยากใส่ร้ายป้ายสีคุณ! ให้คุณและฮามิดกลายเป็นแพะรับบาป! ถ้าคุณฆ่าผมแล้ว คุณจะกลายเป็นแพะรับบาปหนักขึ้นกว่านี้!” เย่เฉินยิ้มเยาะเย้ยและกล่าวว่า “คุณคิดมากเกินไปแล้ว ยังไม่เคยมีใครที่สามารถทำให้ผมเย่เฉินเป็นแพะรับบาปได้!” หลังจากกล่าวจบ เย่เฉินก็กล่าวอีกครั้งว่า “คุณวางใจ ผมไม่ฆ่าคุณแน่นอน เพราะคุณยังมีประโยชน์กับผมมาก!” เฉินจงเหล่ยกล่าวเย้ยหยัน “ฮึ่ม! คุณไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า…..ไม่ได้มีอะไรมากกว่าการพยายามจับผมเป็นตัวประกัน แล้วหนีออกไปจากที่นี่ ท้ายที่สุด คุณก็เป็นหนูขี้ขลาดเช่นกัน!” เย่เฉินเหยียดนิ้วออกแล้วสะบัดเบา ๆ สองสามครั้ง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณเดาผิดแล้ว เดิมทีผมคิดเช่นนั้นจริง ๆ แต่ผมนึกไม่ถึงว่าคุณจะเป็นคนที่โง่เขลา จนกลายเป็นสุนัขจนตรอก ลงมือจัดการกับผู้บัญชาการกองทัพของรัฐบาล” ซึ่งมันเป็นการมอบอำนาจริเริ่มทั้งหมดให้แก่ผม” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เย่เฉินเลิกคิ้วและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ตอนนี้ผมจะไม่จับคุณเป็นตัวประกันเพื่อหลบหนีออกไป แต่ผมจะยืมมือคุณ แล้วกำจัดทหารของสำนักว่านหลงจำนวน 15,000 คนที่ตะวันออกกลางทั้งหมด!” เฉินจงเหล่ยกล่าวโพล่งออกมา “ยืมมือผม? ฝันไปเสียเถอะ! ผมยอมตาย! ก็จะไม่ยอมทรยศพี่น้องของตนเองอย่างเด็ดขาด!” เย่เฉินเยาะเย้ยและกล่าวว่า “จะทรยศหรือไม่ทรยศ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณแล้ว!” หลังจากกล่าวจบ เย่เฉินจ้องมองไปที่ดวงตาของเขา และกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “คุกเข่าลง!” ทันทีที่กล่าวประโยคนี้ออกมา เฉินจงเหล่ยรู้สึกถึงพลังที่อธิบายไม่ถูกไหลเข้าสู่สมองของเขา หลังจากนั้นขาของตนเองอ่อนแรงโดยไม่ตั้งใจ เย่เฉินปล่อยปราณทิพย์เข้าไปในสมองของเขา แต่เนื่องจากช่วงหลายวันที่ผ่านมานั้นเขาได้ไม่เพิ่มปราณทิพย์ให้เพียงพอ ดังนั้นปราณทิพย์ในร่างกายของเขาจึงไม่อุดมสมบูรณ์ และการปล่อยปราณทิพย์ออกไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาเกือบอยู่ในสถานะใช้ปราณทิพย์เกินไป ยังดีที่ตอนนี้เฉินจงเหล่ยกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ และมันไม่ยากเกินไปสำหรับเย่เฉิน แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น เย่เฉินก็แอบคิดอยู่ในใจ เมื่อเขากลับไปแล้ว เขาจะนำเรื่องการกลั่นยาเสริมชี่ปราณไว้ในเป้าหมาย ทางที่ดีควรรีบกลั่นโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นถ้าพบกับนักบู๊หกดาว หรือนักบู๊เจ็ดดาวเช่นนี้อีกครั้ง ถ้าปราศจากการสนับสนุนของปราณทิพย์แล้ว คงทำได้แค่เพียงใช้กำลังต่อสู้เท่านั้น ขณะนี้เฉินจงเหล่ยรู้สึกว่าพลังลึกลับที่เข้ามาในสมองของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ และเขารู้สึกสิ้นหวัง เพราะไม่รู้เป็นเพราะอะไร? ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถควบคุมเข่าของตนเองและคุกเข่าลงบนพื้น เขาเกือบจะร้องไห้ออกมา และถามด้วยความสิ้นหวัง “นี่มัน…..นี่มันเกิดอะไรขึ้น…..คุณ…..คุณทำอะไรกับผม…..” เย่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ผมคิดจะใช้ปราณทิพย์ล้างสมองคุณ”