“เข้าใจแล้ว” เย่เฉินกล่าวว่า “คราวนี้ผมแค่เข้าร่วมพิธีสักการะบรรพบุรุษเท่านั้น ผมจะไม่เข้าร่วมงานพิธีหมั้น คุณช่วยผมแจ้งพวกเขาล่วงหน้าด้วย” ถังซื่อไห่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นกล่าวโน้มน้าวว่า “คุณชาย ถ้างานของคุณไม่ยุ่งมาก ทางที่ดีคุณควรเข้าร่วมด้วย มิเช่นนั้นเกรงว่ามันจะไม่สมเหตุสมผลเล็กน้อย” “ไม่ล่ะ” เย่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ผมไม่ต้องการที่จะเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่มากเกินไป พิธีสักการะบรรพบุรุษไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน นอกจากนั้นยังทำให้ผมยังสามารถสักการะพ่อแม่ของผมได้ ดังนั้นผมจึงตกลงที่จะเข้าร่วม ส่วนเรื่องอื่นผมจะไม่เข้าไปยุ่ง” “โอเค” ถังซื่อไห่รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่ตนเองจะเกลี้ยกล่อมเย่เฉินได้ ดังนั้นเขาจึงถามว่า “คุณชาย คุณจะมาเมื่อไหร่?” เย่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผมจะไปถึงเย่นจิงในวันที่ 3 เมษายน” “โอเค!” ถังซื่อไห่กล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “เมื่อถึงเวลานั้นผมจะไปรับคุณที่สนามบิน!” เย่เฉินกล่าวว่า “ถึงเวลาแล้วค่อยว่ากัน พ่อบ้านถัง ผมยังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการอีก ดังนั้นผมจะวางสายก่อน” หลังจากบอกลาถังซื่อไห่แล้ว เย่เฉินลุกขึ้นทันที กล่าวกับฮามิดและซัยยิต “ต่อไปพวกคุณสองคนต้องอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มันเป็นสถานการณ์ดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย” หลังจากนั้น เย่เฉินกล่าวอีกว่า “นอกจากนั้นทหาร 15,000 คนของสำนักว่านหลง จะนำมาซึ่งผลประโยชน์มหาศาลแก่กองทัพของรัฐบาลอย่างแน่นอน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของกองทัพรัฐบาลได้เป็นอย่างดี ดังนั้นนับตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป คุณสามารถอุทิศตนเองเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจ และไม่จำเป็นต้องทำสู้รบกลับไปกลับมา” ฮามิดพยักหน้าโดยไม่ลังเลและกล่าวว่า “น้องชายวางใจเถอะ ผมจะจำคำสอนของคุณไว้!” ซัยยิตกล่าวว่า “ความจริงพวกเราไม่ต้องการสู้รบกันไป-มา และการที่สามารถเจรจาสงบศึกได้นั้นเป็นสิ่งดีที่สุดแล้ว!” เย่เฉินพยักหน้าและกล่าวว่า “งั้นก็รีบลงนามในข้อตกลงการเจรจาสงบศึกเถอะ ผมยังมีสิ่งสำคัญที่ต้องทำและต้องกลับไปหัวเซี่ยทันที ฮามิดช่วยเตรียมเฮลิคอปเตอร์และนำซูโสว่เต้าออกมา ผมจะนำเขากลับไปด้วย” ฮามิดกล่าวอย่างอาลัยอาวรณ์ว่า “น้องชาย คุณรีบร้อนขนาดนั้นเลยเหรอ? คุณดูสิ จนถึงตอนนี้แล้วผมยังไม่ได้เลี้ยงต้อนรับคุณเลย!” เย่เฉินโบกมือ “คราวหน้าเถอะ คราวนี้สถานการณ์เร่งด่วนจริง ๆ และล่าช้าไม่ได้” ฮามิดพยักหน้าด้วยความเข้าใจและกล่าวอย่างจริงจังว่า “โอเค! เรื่องใหญ่สำคัญกว่า! งั้นผมจะไม่รั้งคุณแล้ว!” หลังจากกล่าวจบ เขาเรียกผู้ช่วยของตนเองทันทีและกล่าวว่า “รีบไปจัดเฮลิคอปเตอร์ส่งคุณเย่ไปเบรุต!” ขณะที่ผู้ช่วยรับคำสั่งและกำลังจะไปดำเนินการ ซัยยิตรีบกล่าวว่า “อาจารย์เย่ คุณนั่งเฮลิคอปเตอร์ของผมดีไหม? ตอนนี้การเจรจาสงบศึกของพวกเรายังไม่ได้ประกาศต่อสาธารณชน ถ้าระหว่างทาง เผื่อใครจำเฮลิคอปเตอร์ของจอมพลฮามิดได้ แล้วโจมตีมันจะแย่ ถ้านั่งเฮลิคอปเตอร์ของผม รับรองปลอดภัยตลอดทางแน่นอน” เย่เฉินเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตของซัยยิต แล้วยังช่วยซัยยิตสร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ในกองทัพ ทำให้ซัยยิตรู้สึกซาบซึ้งเขาเป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อเทียบกับเรื่องที่เย่เฉินรักษาขาง่อยของฮามิดแล้ว เรื่องของซัยยิตนั้นยิ่งใหญ่กว่ามาก เย่เฉินพยักหน้าเบา ๆ และกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็นั่งเฮลิคอปเตอร์ของคุณเถอะ” ซัยยิตรีบกล่าวว่า “อาจารย์เย่ ผมจะไปส่งคุณ!” ฮามิดก็กล่าวโดยไม่ลังเลว่า “น้องเย่ ผมก็จะไปส่งคุณด้วย!” เย่เฉินพยักหน้า มองไปที่เฉินจงเหล่ยแล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คุณไปกับผม” เฉินจงเหล่ยกล่าวโดยไม่ลังเลว่า “ครับ! ทุกอย่างเป็นไปตามคำสั่งของคุณ…..”