เมื่อกี้ยังวิเคราะห์เหมือนกันกับสองพ่อลูกตระกูลHorowitzg ลงความเห็นว่าผู้ที่มาไม่มีทางเป็นซูโสว่เต๋อคนของตระกูลซูแน่นอน ในเวลานี้สีหน้าท่าทางก็จนใจอย่างมากจริงๆ ให้เขาฝันก็คิดไม่ถึงว่า ‘เพื่อนบ้านใหม่’ที่ถูกลูกน้องของหงห้าพาตัวเข้ามา จู่ๆจะเป็นพี่ใหญ่ของตัวเองซูโสว่เต้า! Steve Horowitzที่อยู่ข้างๆค่อนข้างผิดหวัง เมื่อกี้เข้ายังมีความคาดหวังที่สูงมาก เพียงครู่หนึ่งคนที่เดินเข้ามาจากพรมสีแดง คือแม่ที่แก่ชราคนนั้นของตัวเอง ในฐานะที่เป็นลูกชาย ในใจที่ความคาดหวังเช่นนี้ค่อนข้างไปไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ในใจของSteveก็เข้าใจดี ตอนนี้นอกจากแม่แล้ว เกรงว่าจะไม่มีใครสามารถช่วยตัวเองและWalterออกไปได้แล้ว อีกอย่าง แม่ไปช่วยตระกูลรอธส์ไชลด์ก็ไม่มีประโยชน์ ถึงอย่างไรตัวเองก็ไม่ได้แซ่รอธส์ไชลด์สักหน่อย เมื่อแม่อยู่ตรงหน้าของตระกูลรอธส์ไชลด์ก็ไม่ได้มีสถานะอะไร คนเขาไม่มีทางสนใจว่าตัวเองและลูกจะเป็นหรือตาย ความเป็นไปได้เดียวที่จะให้ตระกูลรอธส์ไชลด์ลงมือจัดการ ก็คือแม่ก็จะต้องถูกเย่เฉินจับตัวมาด้วย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า ความหวังนี้ว่างเปล่าโดยสิ้นเชิงแล้ว ดังนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยซูโสว่เต๋อแล้ว เบ้ปากพร้อมพูดว่า : “เหล่าซู หากใช้คำพูดของคนหัวเซี่ยอย่างพวกแกแล้ว แกแม่งก็คือคนที่ปากเสีย!” ซูโสว่เต๋อเยาะเย้ยครู่หนึ่ง ไม่ได้สนใจเขา ซูโสว่เต๋อในตอนนี้ จะสามารถไปทะเลาะกับเขาได้ที่ไหนกันล่ะ เขายังคงจมดิ่งอยู่ในอาการช็อกเมื่อได้เห็นพี่ชายอย่างซูโสว่เต้าจนตัวเองถอนตัวไม่ขึ้น แน่นอนว่า นอกจากรู้สึกทึ่งแล้ว ในใจของซูโสว่เต๋อในเวลานี้ ก็อดไม่ได้ที่จะผสมผสานทั้งสุข-ทุกข์ สิ่งที่มีความสุขก็คือ เขากับซูโสว่เต๋อไม่ค่อยจะลงรอยกันมาตลอด เดิมทีตอนที่ตัวเองถูกขังอยู่ที่นี่ สิ่งที่คิดมากที่สุดในทุกวันก็คือ ตัวเองเข้ามาเป็นการยกผลประโยชน์ให้ซูโสว่เต้าโดยสิ้นเชิง ทำให้ในใจของเขารู้สึกว่าไม่เป็นธรรมอย่างมาก แต่ตอนนี้ซูโสว่เต้าก็เหมือนกันกับตัวเอง กลายเป็นเฉลย เรียกได้ว่าเป็นตกทุกข์ได้ยากทั้งพี่และน้องตามมาตรฐาน สิ่งที่เป็นทุกข์ก็คือ แม้แต่พี่ใหญ่อย่างซูโสว่เต้าก็ถูกจับมาที่นี่แล้ว งั้นก็พิสูจน์ได้ว่าตระกูลซูเมื่ออยู่ตรงหน้าของเย่เฉินไอ้หมอนี่แล้ว มันไม่ได้มีแรงต้านทานใดๆเลยด้วยซ้ำ ตัวเองคิดอยากจะออกไปจากที่นี่ ก็ยิ่งไม่มีหวังแล้ว…… Steveเห็นซูโสว่เต้า คนทั้งคนก็ค่อนข้างทรุดลงเลย เขาไม่รู้จักซูโสว่เต้า แต่ในเมื่อคนที่มาไม่ใช่คนในตระกูลของตัวเอง ก็พิสูจน์ได้ว่าคนของตระกูลตัวเองกลับว่าไม่ได้ตามหาตัวเองแต่อย่างใด หรือไม่ก็ยังหาเบาะแสที่ถูกต้องไม่เจอ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งไม่รู้ว่าจะได้ออกไปจากที่นี่ปีไหนเดือนไหนแล้ว ในเวลานี้ หงห้าเดินก้าวเท้ายาวเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้ว พูดกับซูโสว่เต้าด้วยรอยยิ้มว่า : “ซูโสว่เต๋อ แกก็อยู่ที่นี่เป็นช่วงเวลาหนึ่งแล้ว ไม่ได้ติดต่อกับคนในครอบครัวเลย ตอนนี้พี่ชายของแกมาอยู่กับแกแล้ว แกมีความสุขไหม?” ซูโสว่เต๋อเห็นหงห้า แม้ว่าในใจจะเกลียดชังเข้ากระดูกดำ แต่ภายนอกยังคงปฏิบัติตามคำพูดของหงห้าอย่างเคารพ พูดกล่าว : “มีความสุข……มีความสุข……” “เหยดเข้……” หงห้าขมวดคิ้วพร้อมชี้ไปที่ซูโสว่เต๋อแล้ว พูดอย่างรังเกียจว่า: “น้องชายอย่างแกจิตใจชั่วร้ายมากจริงๆ เห็นพี่ชายของแกกลายเป็นเฉลยในตอนนี้ แกกลับว่ามีความสุข?” ทันใดนั้นท่าทีของซูโสว่เต๋อก็เปลี่ยนเป็นเก้ๆกังๆอย่างไม่อาจเทียบได้ขึ้นมาทันที ไตร่ตรองในใจ : “ถ้าหากฉันแม่งบอกว่าไม่มีความสุข แกก็ต้องด่าฉันว่าเห็นความหวังดีของแกเป็นเจรตานาร้าย สไตล์พฤติกรรมของพวกกุ๊ยแก่ๆอย่างแก ฉันแม่งรู้อย่างชัดเจนตั้งนานแล้ว” เมื่อคิดถึงขั้นนี้อย่างชัดเจนแล้ว ซูโสว่เต๋อก็ก้มหัวลงแสร้งทำเป็นขี้ขลาดเลย ไม่ตอบคำถามของหงห้า หงห้าจะปล่อยเขาไปง่ายๆได้ที่ไหนกันล่ะ รีบเดินก้าวเข้าไปข้างหน้า ใช้แท่งยางเคาะตีราวเหล็ก พูดถามอย่างเยือกเย็น : “ทำไม?ซูโสว่เต๋อตอนนี้แกปีกกล้าขาแข็งแล้วเหรอ?ฉันพูดกับแกแกไม่สนใจคำพูดของฉัน?”