“เปล่าครับเปล่า……” ซูโสว่เต๋อตกใจจนตัวสั่นระริก รีบพูดกล่าว: “เมื่อกี้ท่านห้าตำหนิได้ถูกต้อง ผมกำลังคิดทบทวนตัวเองอยู่นะ เห็นพี่ชายตัวเองปรากฏตัวอยู่ที่นี่ แน่นอนว่าในใจจะต้องไม่มีความสุขอยู่แล้ว……” “ไม่มีความสุข?” หงห้าเลิกคิ้วขึ้น พูดถามอย่างไม่สบายใจมากว่า : “ฉันหวังดีพาพี่ชายของแกมาเจอกับแก ทำให้พวกแกสองคนพี่น้องที่ไม่ได้เจอกันนานกลับมาเจอกันอีกครั้ง จู่ๆแกบอกว่าไม่มีความสุข นี่แกเห็นความหวังดีของฉันเป็นเจตนาร้ายเหรอ ” ทันใดนั้นซูโสว่เต๋อก็ดูแย่เหมือนพ่อตายเลยยังไงอย่างนั้น พูดด่าในใจว่า : “เหยดเข้!กูแม่งก็รู้อยู่แล้วว่ามึงต้องพูดคำนี้!สิ่งที่กูเดากับมึงเดา แม่งไม่ต่างกันเลยสักนิดเดียว!ไอ้ชาติหมามึงเห็นกูเป็นหนูในท่อระบายน้ำ ปิดกั้นทางหนีทีไล่ของกูเหรอมึงน่ะ ถ้าหากวันไหนกูซูโสว่เต๋อมีโอกาสออกไปจากที่นี่ได้ ถ้ากูไม่ฆ่ามึงให้ตาย กูก็ไม่ใช่แซ่ซูแล้ว! ” หงห้าเห็นซูโสว่เต๋อมีสีหน้าที่หดหู่ หัวเราะอย่างดูหมิ่น ก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีก พูดเสียงดังออกมาว่า : “ยินดีกับซูโสว่เต้า ซูโสว่เต๋อสองพี่น้องตระกูลซูที่กลับมาเจอกันอีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนานด้วย !สร้างบรรยากาศกันหน่อย!” น้ำเสียงเพิ่งจบลง กลุ่มลูกสมุนก็ดึงแท่งพลุทันที เลื่อมหลากหลายสีสันและเส้นผ้าริบบิ้นหลากหลายสีถูกพ่นออกมา ทำให้ซูโสว่เต้า ซูโสว่เต๋อตกอยู่ในสถานการณ์คับขันลำบากมาก หงห้าเห็นซูโสว่เต้าที่มีสีหน้าที่หดหู่ ยืนมือไปดึงเขามาอยู่ตรงหน้ากรงเหล็ก เปิดประตูแล้วผลักเขาเข้าไปแล้ว ยิ้มพร้อมพูดว่า : “ซูโสว่เต้า น้องชายของแกหายตัวไปนานมากขนาดนี้ พวกแกคงมีคำพูดมากมายที่อยากคุยกัน งั้นฉันก็ไม่รบกวนการรำลึกความหลังของพวกแกสองคนพี่น้องแล้ว” พูดจบ เขาก็โบกไม้โบกมือให้กับพวกลูกน้องของตัวเองแล้ว พูดว่า : “พอแล้ว แยกย้ายกันเถอะ เสี่ยวเฟยอีกเดี๋ยวนำเหล้าเหล้าเอ้อร์กัวโถวมาให้สองคนนี้สองขวดนะ ฉันว่าวันนี้พวกเขาสองคนต้องมีเรื่องคุยกันยาวเลย” ลูกสมุนที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวเฟยรีบพูดกล่าวว่า : “ครับท่านห้า ผมจะไปเอามาเดี๋ยวนี้” หงห้าและลูกน้องของเขาไปแล้ว ซูโสว่เต้าและซูโสว่เต๋อสองคนพี่น้องก็ประจันหน้ากัน ซูโสว่เต้ารู้สึกโชคร้าย ยื่นมือออกไปโยนช่อดอกไม้ปลอมช่อนั้นทิ้งลงบนพื้น และก็จัดการทำความสะอาดเส้นผ้าริบบิ้นและเลื่อมที่อยู่บนตัวแล้ว ซูโสว่เต๋อเดินขึ้นมาทันที พร้อมทั้งเอ่ยปากถามเขาว่า : “พี่ใหญ่ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?คุณไม่ใช่ว่าหนีภัยไปที่ออสเตรเลียเหรอ?” ซูโสว่เต้าพูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า : “เกิดอะไรขึ้นนะเหรอ?ฉันแม่งก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่แกหายตัวไปแล้ว เย่เฉินก็เปิดโปงเรื่องที่คุณท่านคิดอยากจะทำร้ายตู้ไห่ชิงออกไปแล้ว รวมถึงคลิปที่แกกับหม่าฉงซิงยอมรับก็ถูกเปิดโปงออกไปเช่นกัน คุณท่านถูกด่าเป็นหมาแล้ว ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ ถึงได้เรียกตัวฉันกลับมาจากออสเตรเลียเพื่อมาเป็นแพะรับบาปแทน” ซูโสว่เต๋อถามอย่างตกใจว่า : “คุณ……คุณเพื่อที่เป็นแพะรับบาปแทนคุณท่านถึงได้ถูกเย่เฉินจับตัวมาที่นี่?” ซูโสว่เต้าถอนหายใจด้วยสีหน้าที่หดหู่ พูดกล่าว : “แม่ง ช่วงนี้ฉันแม่งโคตรซวยเลย เดิมทีคุณท่านเตรียมให้ไปพบหน้ากันกับนางาฮิโกะ อิโตะของตระกูลอิโตะ ใครจะไปคิดว่าไม่ได้เจอนางาฮิโกะ อิโตะ สุดท้ายถูกเย่เฉินจับตัวได้โดยบังเอิญ หลังจากนั้นก็ถูกเย่เฉินโยนไปทิ้งที่ซีเรีย……” “อะไรนะ?!ซีเรีย?!” ซูโสว่เต๋อพูดถามอย่างตกใจจนอ้าปากค้าง : “ไปทำอะไร?” ซูโสว่เต้าโมโหในใจ บ้วนน้ำลายออกมา พูดด่า : “ถุย!พูดแล้วแม่งโคตรซวย!คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะมีเพื่อนที่เป็นทหารฝ่ายค้านอยู่ที่ซีเรีย พาฉันไปกักขังไว้ในฐานทัพของเขาแล้ว เริ่มแรกก็ลำบากนิดหน่อย แต่ถึงยังไงก็ถือว่าเงียบสงบ ใครแม่งจะไปคิดได้ว่า วันที่สงบสุขผ่านไปได้ไม่กี่วัน ก็แม่งเกิดการสู้รบกันแล้ว!” พูดแล้ว ซูโสว่เต้าก็เหมือนกับเทขยะยังไงอย่างนั้น พูดเล่าถึงประสบการณ์ที่ในช่วงเวลาที่ตัวเองอยู่ที่ซีเรียนี้ออกมาทั้งหมดแล้ว คำพูดเหล่านี้ เก็บในใจของเขามันช่างอึดอัดมากจริงๆ แม้แต่คนที่จะให้ระบายความในใจก็ไม่มี และซูโสว่เต๋อแม้ว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับเขา แต่ถึงอย่างไรก็เป็นพี่น้องกัน เพราะงั้นเขาในตอนนี้ ก็อดทนไม่ไหวอีกแล้ว พูดเล่าเรื่องราวที่อยู่ในสมองออกมาทั้งหมด……