พูดจบ เฮเลน่ากับรีบอธิบายว่า“ประเด็นคือในยุโรป หลังจากที่วัยรุ่นส่วนมากเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว แทบจะไม่แบมือขอเงินทางบ้านเลยค่ะ สำหรับตัวฉันกับเพื่อคนอื่นๆก็เหมือนกัน ในมหาวิทยาลัยจะอาศัยเงินทุนการศึกษาและเงินกู้ยืม ปกติฉันไม่ค่อยขอเงินกับที่บ้านเท่าไร ดังนั้นเงินค่าเปลี่ยนการเรียกแบบนี้ สามารถตัดไปได้ไหมคะ?” เย่เฟิงที่อยู่ข้างๆถึงกับมึนงง เขารีบก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วจับมือของเฮเลน่าเบาๆ แล้วกล่าวว่า“ที่รักครับ เรื่องแบบนี้จะตัดไปได้ยังไงล่ะ!” คิ้วสวยของเฮเลน่า ขมวดขึ้นโดยไม่รู้ตัวในตอนที่เย่เฟิงสัมผัสตัวเธอ ทันใดนั้น เธอก็รีบชักมือของตัวเองกลับมาอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้รู้สึกอะไรกับเย่เฟิง เพียงแต่ไม่สามารถต้านทานการจัดการของตระกูลได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องยอมรับการแต่งงานอย่างปฏิเสธไม่ได้ แต่ในใจของเธอยังคงมีการดิ้นรนสุดท้ายของตัวเอง การดิ้นรนในท้ายที่สุดของเธอก็คือ ขอแค่ยังไม่เสร็จสิ้นพิธีแต่งงานอย่างเป็นทางการกับเย่เฟิง เธอจะไม่มีวันใกล้ชิดสนิทสนมกับเย่เฟิงเป็นอันขาด เธอมาที่เย่นจิงหลายวันมานี้ เย่เฟิงมักจะทำตัวเข้าใกล้เธอ กระทั่งในตอนที่ส่งเธอกลับโรงแรม ยังอยากเข้าห้องของเธอ แต่ก็ถูกเธอปฏิเสธอย่างอ้อมค้อมไป ถึงแม้เย่เฟิงจะใจร้อนแค่ไหน แต่ก็ไม่กล้าบีบบังคับอะไรเธอ ดังนั้น เขาจึงได้เพียงแค่แสร้งทำเป็นสุภาพบุรุษอย่างยิ้มๆ แต่ความเป็นจริงแล้ว ก้นบึ้งจิตใจของเขา อยากจะตำหนิดุด่าเฮเลน่ามานานแล้ว อยากจะก่นด่ากลับไป ตอนนี้ เมื่อเห็นว่าเฮเลน่าไม่อยากให้ตัวเองจับมือ ในใจของเย่เฟิงก็รู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น เขาอดที่จะกัดฟันก่นด่าไม่ได้“นังบ้ายุโรปเหนือนี่ไม่รู้ว่าจริงจังหรือแกล้งกันแน่!วันๆทำตัวเหมือนกับว่าสูงส่งอย่างงั้นแหละ แม้แต่มือยังไม่ให้กูจับ!” “รอวันเข้าหอวันนั้น ถ้าแกเป็นสาวพรหมจรรย์จริง งั้นกูก็จะยอมรับ แต่ถ้าแกเป็นดอกไม้ที่ปลิดปลิวและเป็นต้นหลิวที่เหี่ยวเฉาไร้เกียรติ ดูสิว่าหลังแต่งงานฉันจะจัดการแกยังไง!” ฉากที่เย่เฟิงจะจับมือแต่ถูกเฮเลน่าหลบ ตกอยู่ในสายตาของคนอื่นๆในตระกูลเย่ ในใจของทุกคนคิดไปต่างๆนานา พ่อของเย่เฟิง เย่ฉางโคงรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย รู้สึกว่าเฮเลน่าไม่ไว้หน้าลูกชาย แต่ว่า เย่โจงฉวนกลับรู้สึกว่า เฮเลน่าเป็นผู้หญิงที่หาได้ยาก เธอเกิดในยุโรปที่เปิดกว้าง แต่คิดไม่ถึงว่าจะยึดมั่นในหลักการขนาดนี้ เป็นอะไรที่หาได้ยากจริงๆ ตระกูลเย่ต้องการสะใภ้แบบนี้ ไม่เพียงแต่สามารถทำให้ชื่อเสียงโด่งดัง อีกทั้งโอกาสที่จะมีข่าวเสียหายฉาวโฉ่ก็น้อยตามมาด้วย ถ้าหากแต่งผู้หญิงที่เป็นเหมือนดอกหยางน้ำกลับมา แล้วมีข่าวอื้อฉาวเรื่องการนอกใจออกไป ตระกูลเย่คงขายน่าอับอายไปทั่วแน่ๆ เย่เฟิงรู้สึกอับอาย เขาทำได้เปลี่ยนหัวข้อสนทนา และเบี่ยงเบนความสนใจของทุกคน ดังนั้น เขาจึงพูดกับเฮเลน่าว่า“ที่รักครับ ไม่ว่าจะเป็นเงินสินสอดหรือค่าเปลี่ยนการเรียก นี่เป็นเงินทุนการตั้งต้นของครอบครัวเราหลังจากแต่งงานกัน นี่เป็นความหวังดีของผู้อาวุโส เราจะปฏิเสธได้ยังไงครับ?ดังนั้นคุณน่ะ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามนะครับ ไม่ต้องสนใจรายละเอียดพวกนี้หรอกครับ” แต่เฮเลน่ากลับอย่างชอบธรรมว่า“ถ้าผู้อาวุโสในครอบครัวให้เงินสร้างตั้งต้น งั้นเรารับแค่ของครอบครัวพวกคุณ ต้องไม่ยุติธรรมแน่ๆ แต่ถ้าสองครอบครัวรับไว้ ฝั่งเราไม่มีประเพณีแบบนี้ และฉันก็ไม่รู้จะพูดกับพ่อแม่ยังไง ดังนั้นฉันคิดว่า เราน่าจะยืดหยุ่นกันสักหน่อย ละเว้นธรรมเนียมแบบนี้ไป” เย่เฟิงรู้สึกปวดหัวมาก เขาก่นด่าในใจว่า“สมองเธอโดนลาเตะจนฟั่นเฟือนไปแล้วรึไง?ตอนแต่งงาน ลำพังแค่ค่าเปลี่ยนการเรียกก็จะได้รับหลายสิบล้านดอลลาร์แล้ว ซึ่งเท่ากับสี่ห้าพันล้านหยวนเชียวนะ แต่เธอดันบอกว่าจะไม่รับไว้เนี่ยนะ?!” ในตอนที่เย่เฟิงรู้สึกเป็นทุกข์อยู่นั้น เย่โจงฉวนมองดูเวลา แล้วกล่าวว่า“เอาล่ะเสี่ยวเฟิง แกรีบไปรับเฉินเอ๋อที่สนามบินเถอะ อย่าเสียเวลาอยู่อีกเลย เรื่องพวกนี้เอาไว้เราค่อยคุยกันทีหลัง” “ครับ”เย่เฟิงทำได้แค่ตอบตกลง แล้วมองไปที่เฮเลน่า ในสมองครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดอย่างยิ้มๆว่า“ที่รักครับ ถ้าคุณไม่มีธุระอะไร ไปสนามบินกับผมไหมครับ!”