เย่เฟิงทำเสียงหึอย่างเย้ยหยัน แล้วพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธว่า“อะไรคือใจร้อน จะกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้ นี่มันไร้สาระทั้งเพ เต้าหู้ก็ต้องกินตอนร้อนๆสิวะ แกเห็นใครปล่อยให้มันเย็นชืดแล้วค่อยกินกันล่ะ?” พูดจบ เขาก็กล่าวอย่างเร่งเร้าว่า“ไวน์ล่ะ รีบเอามารินให้ฉันสิ” เย่เห้ารีบกล่าว“พี่เฟิง ยังไม่หายแฮงค์เลย พี่รออีกหน่อยไหม?” เย่เฟิงกล่าวอย่างหงุดหงิด“หายแฮงค์บ้าอะไร รอให้หายแฮงค์ได้ถึงที่พอดี รินมาให้ฉันเดี๋ยวนี้” “ได้ครับพี่เฟิง”เย่เห้าไม่กล้าชักช้า เขารีบจัดการรินไวน์แดงให้กับเย่เฟิงหนึ่งแก้ว เย่เฟิงรับแก้วไวน์มา แล้วจัดการกระดกไปหนึ่งคำ หลังจากนั้นรถก็เคลื่อนตัวออกไปเขาพลางแกะเนกไทออกด้วย ดวงตาดุจนกอีแร้ง จ้องมองไปที่นอกหน้าต่าง นัยน์ตามีความเยือกเย็นยากที่คนธรรมดาทั่วไปจะตรวจพบ เขารู้ดี ถึงแม้ว่าตนจะหลงใหลในรูปร่างและรูปลักษณ์ภายนอกของเฮเลน่า แต่เฮเลน่ากับตนเองความจริงแล้วไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกัน ทั้งสองฝ่ายแต่งงานกันเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเท่านั้น เฮเลน่าตอนนี้ไม่ให้ตัวเองแตะต้อง และหลังแต่งงานเธออาจไม่ยอมรับโชคชะตาก็เป็นได้ ไม่แน่ หลังแต่งงานกันไปเธอก็ยังคงทำเย็นชาใส่ตัวเอง เมื่อคิดถึงตรงนี้ จู่ๆเขาก็เปลี่ยนความคิด เดิมที เขาอยากรอให้หลังแต่งงานเสร็จสิ้นได้เป็นสามีภรรยาที่แท้จริงกับเฮเลน่า แต่ตอนนี้เขาคิดว่ารอหลังจากหมั้นหมายกันแล้ว ตนจะรีบทำให้ข้าวสารหุงเป็นข้าวสุก สนใจเธอประลัย ทำแล้วค่อยว่ากัน! เมื่อคิดถึงตรงนี้ มุมปากของเย่เฟิงก็แสยะยิ้มชั่วร้าย แล้วกระดกไวน์ในแก้วจนหมด …… สนามบินเย่นจิง เครื่องบินโบอิ้งที่เย่เฉินนั่งก็เริ่มออกเดินทาง ด้วยการสั่นสะเทือนเล็กน้อยของตัวเครื่อง เครื่องบินก็เริ่มบินทะยานไปยังท้องฟ้า และปีกทั้งสองข้างก็เปิดออกจนสุดเช่นกัน พนักงานต้อนรับสาวสวยเดินเข้ามาจากห้องโดยสารด้านหน้า แล้วกล่าวอย่างนอบน้อมว่า“คุณชายเย่คะ เครื่องบินของเรากำลังจะลงจอดแล้วค่ะ คุณกู้โทรศัพท์มาเมื่อสักครู่ บอกว่าเธอกำลังรออยู่ที่โรงเก็บเครื่องบินแล้วค่ะ” พนักงานต้อนรับสาว รวมถึงลูกเรือในห้องนักบิน ถูกจัดเตรียมโดยกู้เย้นจง ในขณะที่มอบเครื่องบินลำนี้ให้กับเย่เฉิน พวกเขารู้ถึงตัวตนของเย่เฉินดี แต่ก็รู้ว่าต้องปิดเป็นความลับ เย่เฉินพยักหน้าเบาๆ“ผมรู้แล้วครับ ขอบคุณนะ” “ไม่เป็นไรค่ะ” พนักงานต้อนรับสาวเดินกลับห้องโดยสาร เฉินจื๋อข่ายจึงถามเย่เฉินว่า“คุณชายครับ คุณไม่ได้ตระกูลเย่ก่อนหรอครับ?” “ไม่ไป”เย่เฉินกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ“ผมรับปากลุงกู้แล้ว ว่าจะตรงไปตระกูลกู้ อีกอย่างผมก็ไม่อยากไปรู้จักมักจี่อะไรกับตระกูลเย่ด้วย เดี๋ยวคุณไปตระกูลเย่นะ แล้วไปบอกกับพวกเขาหน่อย ว่าพรุ่งนี้ผมค่อยไป” เฉินจื๋อข่ายยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อคิดๆดูแล้วเขาเงียบดีกว่า แล้วพยักหน้าเบาๆพลางกล่าวว่า“ก็ได้ครับ หลังจากผมถึงตระกูลเย่แล้ว ผมจะพูดกับคุณท่านครับ” ผ่านไปไม่นาน เครื่องบินก็ลงจอดอย่างราบรื่นบนรันเวย์ หลังจากนั้นก็ค่อยๆลดความเร็วลง เครื่องบินออกจากรันเวย์ แล้วมุ่งหน้าไปยังโรงจอดเครื่องบินหมายเลขหก ขณะที่เครื่องบินค่อยๆจอดในโรงเก็บเครื่องบิน เย่เฉินก็มองเห็นภายในโรงเก็บเครื่องบิน รถวอลโว่คันเก่าที่กู้ชิวอี๋ชอบขับในโรงเก็บเครื่องบินแล้ว เด็กคนนี้เป็นคนที่ถ่อมตัวอยู่เสมอ ในเวลาปกติเธอไม่ขับรถหรูออกจากบ้านเด็ดขาด ขับรถแบบนี้ไม่เพียงแต่ถ่อมตัว อีกทั้งยังสามารถหลบเลี่ยงพวกปาปารัสซีได้อีกด้วย ตอนนี้ กู้ชิวอี๋ที่สวมแมสและแว่นดำ กำลังเดินออกมาจากรถ เธอวิ่งมารอฝั่งประตูเครื่องบิน แล้วยืนรอเย่เฉินอย่างใจจดใจจ่อ หลังจากที่บันไดขึ้นเครื่องเชื่อมต่อสำเร็จ ประตูเครื่องก็ถูกเปิดออก เย่เฉินค่อยๆก้าวออกจากเครื่องบิน กู้ชิวอี๋เงยหน้าขึ้นมองเขา แล้วกระโดดโลดเต้นอยู่กับที่อย่างยินดีปรีดา พลางโบกมือไปมาให้กับเขา แล้วตะโกนเรียกอย่างตื้นตันใจ“พี่เย่เฉินคะ!”