กู้ชิวอี๋ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เธอถอดแมสและแว่นดำออก มองไปที่เย่เฟิงกับเย่เห้าทั้งสองคน แล้วพูดด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตร“เย่เฟิง เย่เห้า!พวกนายสองคนทำบ้าอะไรห้ะ?พี่เย่เฉินพึ่งกลับมาเย่นจิง พวกนายสองคนมาร้องประสานเสียงกันเหมือนตัวตลกตรงนี้ กระโดดโลดเต้นไปมาร้องกันคนละท่อนสองท่อน พวกนายอยากทำให้คนอื่นขยะแขยงรึไง?” เย่เฟิงกับเย่เห้าพึ่งดูออก ที่แท้คนที่ยืนอยู่ข้างๆเย่เฉิน ผู้หญิงที่ปิดบังใบหน้าด้วยแมสและแว่นดำ ก็คือกู้ชิวอี๋ที่โด่งดังไปทั่วทั้งประเทศ และทั่วโลก แม้แต่เฮเลน่า เมื่อเห็นกู้ชิวอี๋แล้วก็รู้สึกตกตะลึงเหมือนกัน ถึงแม้เธอจะไม่ใช่แฟนคลับของกู้ชิวอี๋ แต่ก็เคยได้ฟังเพลงของกู้ชิวอี๋ เธอชื่นชมกู้ชิวอี๋เป็นอย่างมาก ให้ความรู้สึกเหมือนแฟนคลับขาจร วันนี้จู่ๆพอได้เห็นได้ตรงนี้ เธอจึงรู้สึกแปลกใจมาก เย่เห้าเห็นกู้ชิวอี๋ปกป้องเย่เฉิน ด้วยใบหน้าโกรธเคือง ภายในใจของเขาจึงรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก เดิมทีเย่เฟิงผู้เป็นพี่ใหญ่ได้คบกับเจ้าหญิงคนโตแห่งยุโรปเหนือ ถึงแม้เย่เห้าจะไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจของเขาอิจฉามานานแล้ว แต่เขาก็รู้ดีว่า เย่เฟิงเป็นหลานชายคนโตของตระกูลเย่ สามารถกล่าวได้ว่าเป็นคนรุ่นหลังในตระกูลเย่ ที่มีค่ามากที่สุดคนหนึ่ง ตนไม่สามารถเทียบอะไรกับเขาได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้พอเห็นว่ากู้ชิวอี๋ที่เป็นซูเปอร์สตาร์แบบนี้ ไม่เพียงแต่มารับเย่เฉินด้วยตัวเอง ยังปกป้องเย่เฉินจนสุดกำลังอีก เย่เห้าจึงรู้สึกไม่ยุติธรรม คิดว่าตัวเองสู้เย่เฟิงไม่ได้ แต่ก็ไม่ควรด้อยไปกว่าเย่เฉิน เวลานี้เอง เย่เฟิงพูดอธิบายว่า“โธ่หนานหนาน เธออย่าเข้าใจผิดไปสิ เรารู้ว่าเย่เฉินกลับมาวันนี้ รู้สึกตื่นเต้นมาก เพราะฉะนั้นเลยรีบเดินทางมาต้อนรับเขา ไม่ได้คิดอะไรเลย” กู้ชิวอี๋รู้ว่าเขาอยากตีมึนให้เรื่องผ่านไป แต่เธอเหมือนจะไม่สนใจเขา จึงพูดอย่างเย็นชาว่า“หนานหนานอะไร หนานหนานคือชื่อที่นายเรียกได้งั้นหรอ?” พูดจบ กู้ชิวอี๋ก็ยืดตัวตรง แล้วพูดโดยที่คำพูดเต็มไปด้วยสัจธรรม“ฉันขอบอกอะไรนายไว้เลยนะเย่เฟิง!นายอย่าคิดว่าฉันจะฟังไม่ออกว่าพวกนายสองคนหมายถึงอะไร วันนี้ฉันจะขอพูดไว้ตรงนี้เลยว่า ไม่ว่าหน้าไหนในตระกูลเย่อย่าคิดรังแกพี่เย่เฉินของฉัน ใครกล้ากลอกตาใส่พี่เย่เฉินของฉันแม้แต่คนเดียว ฉันกู้ชิวอี๋จะไม่ปล่อยมันไปแน่!!” เย่เฟิงคิดไม่ถึงว่า ตนอยากหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง แต่กู้ชิวอี๋ยังคงบีบคั้น ไม่ยอมถอย แต่เนื่องจากตนเสียเปรียบที่ไม่มีเหตุผล จึงไม่สามารถแตกคอกับเธอได้ในตอนนี้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่ฝืนหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วพูดว่า“ชิวอี๋ เธอเข้าใจผิดจริงๆ ฉันกับเย่เฉินเป็นพี่น้องกัน เลือดย่อมข้นกว่าน้ำ เราจะรังแกเขาได้ยังไงกัน?” กู้ชิวอี๋เอามือกอดอกแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า“อย่ามาแกล้งโง่ต่อหน้าฉันหน่อยเลย!ถ้าไม่ไหวจริงๆฉันก็จะไปขอความเป็นธรรมจากคุณปู่เย่!เอาคำพูดของพวกนายไปเล่าให้คุณปู่ฟังทั้งหมด ดูสิว่าคุณปู่จะว่ายังไง!” เย่เฟิงถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เขาคิดไม่ถึงจริงๆว่ากู้ชิวอี๋จะจับไม่ปล่อยเพราะเรื่องเล็กๆแบบนี้ เขาจึงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ในเวลาต่อมาเย่เฉินก็พูดกับกู้ชิวอี๋ว่า“พอเถอะหนานหนาน เรื่องเล็กน้อย อย่าจับไม่ปล่อยเลย” เมื่อได้ยินเย่เฉินพูด กู้ชิวอี๋ก็รีบพยักหน้าอย่างว่าง่าย หลังจากนั้นก็พูดกับเย่เฟิงว่า“ครั้งนี้ฉันจะฟังพี่เย่เฉิน จะไม่ถือสาอะไรนาย!แต่ทางที่ดีอย่าให้มีคราวหน้าอีกแล้วกัน!” เย่เฟิงรู้สึกทุกข์ใจมาก ใครจะไปรู้ว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำของเย่เฉิน จะทำให้ผู้หญิงที่แซ่กู้คนนี้หยุดกล่าวตำหนิ ประเด็นคือตนเองเสียเปรียบที่ไม่มีเหตุผล จึงไม่กล้าเถียงอะไรกับเธอ ดังนั้น เขาจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา แล้วชี้ไปทางเฮเลน่า แล้วพูดไปด้วยหัวเราะไปด้วยว่า“มาๆๆ เย่เฉิน ฉันขอแนะนำกับนายหน่อยนะ นี่คือว่าที่พี่สะใภ้ของนาย เจ้าหญิงแห่งราชวงศ์ยุโรปเหนือ เฮเลน่า อีเลียด!” พูดจบ เขาก็รีบพูดกับเฮเลน่าว่า“เฮเลน่าครับ คนนี้คือลูกพี่ลูกน้องของผม เย่เฉิน เป็นลูกชายอารองของผมครับ!” เฮเลน่าพยักหน้ากับเย่เฉินอย่างมีมารยาท แล้วยื่นมือออกไป พลางกล่าวว่า“สวัสดีเย่เฉิน ฉันชื่อเฮเลน่า ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เย่เฉินยื่นมือออกไปจับมือเธอเบาๆอย่างมีมารยาทเช่นกัน แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า“สุขภาพของคุณไม่ค่อยดี ช่วงนี้ต้องดูแลตัวเองหน่อยนะครับ”