เย่ฉางหมิ่นแสร้งหัวเราะแล้วพูดว่า“โธ่เฮเลน่า เธอคงพูดหนักเกินไปแล้ว ทำไมถึงพูดถึงเรื่องสิทธิมนุษยชนล่ะ?ไม่มีใครอยากลิดรอนสิทธิของเธอนะ แค่อยากให้เธอตรวจร่างกายเท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายของเธอมีปัญหา” เฮเลน่าพูดอย่างจริงจังว่า“การตอบสนองที่ตรงไปตรงมาที่สุดก็คือ ถ้าฉันไม่อยากรับการตรวจร่างกาย ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถบีบบังคับให้ฉันตรวจร่างกายได้ ถ้าฉันไม่มีแม้แต่อิสระ ไม่ได้การเคารพแม้แต่สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน งั้นฉันจะพิจารณาเรื่องการแต่งงานในครั้งนี้ค่ะ!” เย่ฉางหมิ่นเห็นเฮเลน่ามีปฏิกิริยารุนแรงขนาดนี้ และยังทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ขึ้น เธออดที่จะบ่นในใจไม่ได้ว่า“เฮเลน่าผู้หญิงคนนี้ ใช้วิธีทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่กับฉันงั้นหรอ ยังใช้วิธีขัดขวางตัวเอง ฉลาดจริงๆ!ดูท่าเธอจะไม่ยอมตรวจร่างกายจริงๆแล้วล่ะ!” เมื่อคิดถึงตรงนี้ เย่ฉางหมิ่นก็รู้ดีว่า ตอนนี้ตนเองไม่สามารถบีบบังคับเธอได้ ไม่อย่างนั้น ดีไม่ดีองค์หญิงแห่งราชวงศ์ยุโรปคนนี้จะกลับบ้านทันที และท่าทีของเฮเลน่า ก็ทำให้เธอมั่นใจในการตัดสินใจของตนเอง “ดูท่า เฮเลน่า อาจจะมีความลับปิดบังเรื่องสุขภาพของตัวเอง……” เมื่อคิกได้ดังนั้น เธอก็ไม่กล้าตัดสินใจอย่างวู่วาม ทำได้เพียงแค่กล่าวขอโทษกับเฮเลน่า“โธ่ เฮเลน่า ฉันไม่ได้รู้ว่าเธอจะหวั่นไหวต่อเรื่องแบบนี้มาก ขอโทษด้วยนะ!แต่เธออย่าโกรธไปเลยนะ ฉันไม่ได้มีความคิดจะบีบบังคับอะไรเธอเลย เรื่องการตรวจร่างกายเดิมทีก็ทำเพื่อสุขภาพร่างกายของเธอ แต่ก่อนอื่นก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเธออยู่ดี ในเมื่อเธอไม่ยินดีให้ตรวจ งั้นเราก็จะไม่ตรวจจ๊ะ” ในที่สุดเฮเลน่าก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก สีหน้าของเธอดีขึ้น แล้วกล่าวว่า“ขอโทษด้วยนะคะ คุณผู้หญิงเย่ ฉันไม่ได้โกรธหรอกค่ะ แค่คิดว่า ฉันควรได้ความเคารพในเรื่องนี้ เมื่อกี้ฉันพูดจาไร้มารยาทเกินไป หวังว่าคุณจะเข้าใจนะคะ” “เข้าใจจ๊ะเข้าใจ!”เย่ฉางหมิ่นพยักหน้า แล้วพูดอย่างยิ้มๆว่า“ฉันเข้าใจความหมายของเธออยู่แล้ว” “งั้นก็ดีแล้วค่ะ”แล้วเฮเลน่าก็พูดขึ้นอีกว่า“คุณผู้หญิงเย่คะ ฉันรู้สึกง่วงแล้ว อยากจะพักผ่อนสักหน่อย นอนพักสักงีบ ดังนั้นถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ฉันขอกลับห้องนอนก่อนนะคะ” เย่ฉางหมิ่นพูดอย่างยิ้มๆ“จ๊ะๆๆ เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ ไปแช่น้ำ แล้วนอนพักสักงีบ เดี๋ยวตอนค่ำฉันจะให้เสี่ยวเฟิงมารับเธอ ไปทานข้าวนะจ๊ะ” เฮเลน่าฝืนหัวเราะ“ตอนค่ำค่อยว่ากันนะคะ” “ก็ได้จ๊ะ ตอนค่ำค่อยว่ากัน”เย่ฉางหมิ่นกล่าว“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นฉันไม่รบกวนเธอแล้วล่ะ เธอกลับไปพักผ่อนเถอะ” “ค่ะ”แล้วเฮเลน่าก็กล่าวว่า“คุณผู้หญิงเย่ค่อยกลับนะคะ ฉันไม่ส่งแล้ว” เย่ฉางหมิ่นโบกมือไปมา“ไม่ต้องส่งหรอกจ๊ะไม่ต้องส่ง เธอรีบกลับไปเถอะ ฉันจะไปแล้ว” พูดจบ เธอก็เห็นเฮเลน่าเดินกลับเข้าห้องไป แล้วปิดประตูลง แล้วเธอจึงหันหน้ากลับมา เธอพึ่งหันหน้ากลับมา รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอก็หายไปทันที เธอก้าวออกไปไม่กี่ก้าว ก็พบเข้ากับถังซื่อไห่กำลังพาผู้เชี่ยวชาญทั้งแปดคนออกมาจากลิฟต์ เธอจึงรีบพูดกับถังซื่อไห่ว่า“พ่อบ้านถัง ไม่ต้องไปแล้ว กลับเข้าไปในลิฟต์เถอะ” ถังซื่อไห่ถามอย่างแปลกใจ“คุณหนูใหญ่ ทำไมหรอครับ?ไม่ตรวจร่างกายแล้วหรอ?” เย่ฉางหมิ่นพึ่งแสร้งหัวเราะกับเฮเลน่าอยู่ตั้งนานสองนาน รู้สึกไม่ค่อยสบอารมณ์ เธอจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรว่า“ทำบ้าอะไร!องค์หญิงทรงบอกแล้วว่า ให้เคารพสิทธิของเธอ สิทธิมนุษยชนของเธอก็คือการไม่ยอมรับการตรวจร่างกาย” พูดจบ เย่ฉางหมิ่นก็บ่น อย่างไม่พอใจว่า“เป็นแค่องค์หญิงประเทศเล็กๆในยุโรป ยังมาทำตัววางท่าวางทางกับฉันอีก!ใจขนาดนี้ ฉันว่าเธอต้องมีความลับอะไรซ่อนไว้แล้วไม่กล้าให้เรารู้แน่!” ถังซื่อไห่พยักหน้า แล้วถามอย่างนอบน้อมว่า“คุณหนูครับ งั้นตอนนี้ควรทำยังไงดีล่ะ?” เย่ฉางหมิ่นโบกมือไปมาอย่างหงุดหงิด“ยังจะทำอะไรได้อีกล่ะ ก็กลับน่ะสิ!ฉันคิดว่าองค์หญิงยุโรปเหนือคนนี้จะต้องมีเรื่องโกหกอะไรแน่ ฉันต้องกลับไปพูดกับคุณท่านให้รู้เรื่อง!” พูดถึงตรงนี้ เย่ฉางหมิ่นก็พูดด้วยสีหน้าไม่พอใจว่า“การอภิเษกสมรสกับราชวงศ์เป็นเรื่องดี แต่ถ้าพวกเขาส่งคนขี้โรคมาให้เรา เราก็ไม่สามารถรับมั่วๆได้!ถ้าเธอแต่งงานมาสองสามปีแล้วมาตายที่เรา ถึงเวลานั้นคนของยุโรปก็จะก่นด่าสาปแช่งเราน่ะสิ?”