เย่เฉินตอบประโยคหนึ่ง แล้วลงจากรถโรลส์-รอยซ์ ขณะนี้ เย่เฟิงรู้สึกโมโหจนแทบจะเป็นบ้า เขาลดเสียงลงและบ่นกับเย่ฉางโคงผู้เป็นพ่อว่า “ไม่รู้ว่าเย่เฉินเอามาดใหญ่โตมาจากไหน?! คุณปู่ถึงได้พาพวกเราออกมาต้อนรับด้วยตนเอง แล้วเขายังไม่รีบลงมาจากรถอีก ต้องรอให้พ่อบ้านถังเปิดประตูให้ นี่มันเสแสร้งเกินไปแล้วมั้ง!” เย่ฉางโคงจ้องเขาและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “ระวังคำพูดของตนเองด้วย! ลูกไม่รู้หรือว่าภัยพิบัติมันออกมาจากปากหรือ?” เย่เฟิงทำได้เพียงหุบปากด้วยความไม่พอใจ แม้ว่าเขาจะไม่พอใจมาก แต่เขาไม่กล้าแสดงออกมามากเกินไป เย่เฉินลงจากรถ แต่เขาไม่ได้ทักทายคนของตระกูลเย่ทันที แต่ยืนอยู่นอกรถ หันหลังแล้วโบกมือให้กู้ชิวอี๋ที่นั่งอยู่ในรถ หลังจากนั้นมองโรลส์-รอยซ์ที่กู้ชิวอี๋กำลังนั่งอยู่เคลื่อนออกไป ถึงได้หันหลังกลับมา คนส่วนใหญ่ของตระกูลเย่รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของเย่เฉิน แต่เย่โจงฉวนไม่ได้โกรธแม้แต่น้อย แต่กลับจับมือเย่เฉินด้วยความตื่นเต้น และกล่าวว่า “เฉินเอ๋อ คุณออกจากบ้านไปนานแล้ว ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว สวรรค์คุ้มครองตระกูลเย่จริง ๆ ตอนนี้ปู่ยังสามารถมีชีวิตอยู่เพื่อเห็นคุณกลับมาสู่ตระกูลเย่ ถึงตายก็ไม่เสียดายแล้ว!” เย่เฉินรู้ว่าคำพูดของคุณท่านนั้นไม่น่าเชื่อถือ เพียงแต่เย่เฉินก็ไม่ได้ทำให้เขาเสียหน้า และกล่าวตามมารยาทว่า “คุณปู่ หลายปีที่ผ่านมานั้น ผมทำให้คุณปู่ต้องเป็นห่วง” เย่โจงฉวนถอนหายใจ “ไม่เป็นไร กลับมาก็ดี กลับมาก็ดีแล้ว!” หลังจากนั้น เขารีบจูงมือเย่เฉินหันหน้าไปทางคนตระกูลเย่ที่อยู่ข้างหลัง และกล่าวอย่างมีไมตรีจิตว่า “มาเถอะ เฉินเอ๋อ คุณจากบ้านไปนานมากแล้ว และคุณอาจจำคนมากมายไม่ได้ ปู่จะแนะนำให้คุณได้รู้จัก” ขณะนี้ เย่เฉินพบว่าเฮเลน่าที่มีดวงตาสีฟ้าอยู่ท่ามกลางฝูงชน จ้องมาที่ตนเองโดยไม่กะพริบตา เย่เฉินและเธอสบตากันชั่วขณะ เมื่อเห็นดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซาบซึ้งและอ้อนวอน เย่เฉินแกล้งทำเป็นไม่เห็น แล้วหันไปมองเย่ฉางโคงซึ่งเป็นลุงใหญ่ ของตนเองทันที เพราะคนแรกที่คุณท่านกำลังจะแนะนำให้เย่เฉินรู้จักคือลูกชายคนโตของเขา เย่ฉางโคงซึ่งเป็นลุงใหญ่ของเย่เฉิน ถึงแม้เย่เฉินและเย่ฉางโคงจะไม่ได้พบเจอกันมา 20 ปีแล้ว แต่รูปลักษณ์ของวัยกลางคนไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก ดังนั้นเย่เฉินจึงสามารถจำเขาได้อย่างรวดเร็ว เย่โจงฉวนชี้ไปที่เย่ฉางโคงและกล่าวกับเย่เฉินว่า “เฉินเอ๋อ นี่คือลุงใหญ่ คุณยังจำเขาได้ไหม?” “จำได้ครับ” เย่เฉินพยักหน้า และเพื่อรักษามารยาท เย่เฉินจึงเริ่มกล่าวทักทายก่อนว่า “สวัสดีครับลุงใหญ่ ไม่ได้เจอกันเป็นเวลานานมากแล้ว” ถึงแม้เย่ฉางโคงจะไม่ชอบเย่เฉิน แต่ยังคงต้องเสแสร้ง ถอนหายใจและกล่าวว่า “เฉินเอ๋อ ลุงใหญ่มีความสุขจริง ๆ ที่คุณกลับมา! คุณไม่รู้ว่าหลายปีที่ผ่านมานั้นพวกเราเป็นห่วงคุณมากแค่ไหน?” เย่เฉินพยักหน้าและกล่าวตามมารยาทว่า “ขอบคุณครับลุงใหญ่” เย่ฉางโคงยิ้มด้วยความเสแสร้งและกล่าวว่า “เฉินเอ๋อ คุณกลับมาคราวนี้ คุณคิดจะอยู่ที่เย่นจิงนานแค่ไหน? วันหลังให้พี่เฟิงพาคุณไปเที่ยวรอบ ๆ เมืองเย่นจิง!” คำพูดของเย่ฉางโคงนั้นเป็นสิ่งที่หลายคนต้องการถามเย่เฉินเช่นกัน พวกเขาต้องการรู้ว่าที่เย่เฉินกลับมาคราวนี้ ต้องการจะทำอะไรกันแน่ เขามาร่วมงานไหว้บรรพบุรุษเสร็จแล้วกลับไปเมืองจินหลิง หรือมาแล้วไม่กลับไปอีก โดยเฉพาะเย่ฉางโคง เขารู้ว่าคุณท่านอายุมากแล้ว และไม่นานเขาจะต้องมอบอำนาจออกมา เมื่อถึงเวลานั้นตนเองจะเป็นผู้นำตระกูลเย่คนต่อไปตามปกติ และเย่เฟิงจะเป็นผู้นำตระกูลเย่ต่อจากตนเองต่อไป อย่างไรก็ตาม การปรากฏตัวของเย่เฉินตอนนี้ มันจะส่งผลต่อทิศทางการพัฒนาในอนาคตไม่มากก็น้อย ดังนั้น เขาจำเป็นต้องเข้าใจเจตนารมณ์ของเย่เฉินก่อน เย่เฉินจะไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของเย่ฉางโคงได้อย่างไร? เขายิ้มเล็กน้อย “ลุงใหญ่ ผมกลับมาคราวนี้ เพื่อกลับมางานไหว้บรรพบุรุษ และหลังจากงานไหว้บรรพบุรุษแล้ว ผมจะกลายเป็นสมาชิกของตระกูลเย่อีกครั้ง ดังนั้นคำถามที่ว่าจะอยู่นานแค่ไหน? คำตอบควรบอกว่าอยากจะอยู่นานแค่ไหนก็อยู่นานแค่นั้น!” หลังจากกล่าวจบ เขากล่าวด้วยรอยยิ้มอีกว่า “ต่อให้หลังจากนี้ผมจะไม่ได้อยู่ที่นี่บ่อย ก็ต้องขอให้คุณปู่เก็บห้องให้ผมหนึ่งห้อง เพราะผมจะกลับมาบ่อยแน่นอน!”