ขณะเดียวกัน บอดี้การ์ดที่อยู่หน้าคฤหาสน์ได้ยินข่าวจากเครื่องรับส่งวิทยุ รู้สึกตกใจจนพูดอะไรไม่ออก หนึ่งในนั้นรีบวิ่งเข้าไปในคฤหาสน์ เตรียมพร้อมที่จะรายงานข่าวให้แก่เย่โจงฉวน ในห้องโถงของคฤหาสน์ เย่โจงฉวนเพิ่งได้พบปะกับตัวแทนญาติของตระกูลเย่ทั้งหมด และทุกคนกำลังนั่งสนทนาเกี่ยวกับความสำเร็จและความเจริญรุ่งเรืองของตระกูลเย่ และกระทั่งคิดถึงเรื่องตระกูลซูเสื่อมถอยไปอย่างรวดเร็ว และตระกูลเย่จะได้โดดเด่นเพียงตระกูลเดียว เย่โจงฉวนในฐานะผู้นำตระกูล รู้สึกดีใจและมีความสุขเป็นธรรมดา ความรู้สึกสำเร็จของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะที่ทุกคนกำลังมีความสุข คนรับใช้รีบวิ่งเข้ามาด้วยความตกใจและตะโกนว่า “แย่….แย่แล้ว! กลุ่มคนขนาดใหญ่ได้บุกเข้ามา พวกเขาฆ่าหัวหน้าบอดี้การ์ดไปแล้ว!” ขณะนี้ คนตระกูลเย่ที่อยู่ในห้องโถงรู้สึกตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก! มีเพียงเย่เฉินคนเดียวที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่ลึก ๆ เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “สำนักว่านหลงเอ๊ยสำนักว่านหลง ผมรอพวกคุณตั้งนานแล้ว ในที่สุดพวกคุณก็มาเสียที! ถ้าพวกคุณไม่มา ศึกครั้งใหญ่ของผมก็ไม่สามารถเปิดได้!” ขณะนี้ เย่เฟิงกล่าวโพล่งออกมาตามสัญชาตญาณว่า “ใครกล้าบุกเข้ามาในคฤหาสน์ตระกูลเย่! หรือว่าเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว?!” ตอนนี้เย่ฉางโคงพ่อของเขากล่าวว่า “ตระกูลเย่สร้างหลักปักฐานอยู่ที่เย่นจิงมานานแล้ว ยังไม่เคยมีใครกล้ามากำเริบเสิบสานขนาดนี้! รีบรวบรวมคน! ผมอยากดูว่าใครที่มีความกล้าเช่นนี้!” การแสดงออกของเย่โจงฉวนเคร่งขรึมและถามทันที “คุณบอกว่าหัวหน้าบอดี้การ์ดถูกฆ่าตายจริงหรือ?” คนรับใช้ที่มารายงานกล่าวด้วยความตื่นตระหนก “คุณท่าน…..ผมไม่รู้เรื่องนี้ แต่บอดี้การ์ดนอกคฤหาสน์พูดผ่านเครื่องรับส่งวิทยุ….. ” ตอนเย่ฉางโคงเพิ่งตระหนักถึงประเด็นสำคัญ และกล่าวโพล่งออกมาว่า “หัวหน้าบอดี้การ์ดถูกฆ่าตาย? มัน….มันเป็นไปไม่ได้?! เขาเป็นถึงยอดฝีมือศิลปะการต่อสู้เชียวน่ะ!” คนอื่น ๆ ต่างเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน ทันใดนั้นพวกเขาต่างรู้สึกกังวลขึ้นมา ขณะนี้เย่ฉางหมิ่นกล่าวด้วยความกังวลว่า “โอ้ แย่แล้ว บางทีอาจเป็นตระกูลซูมาแก้แค้น?!” เย่โจงฉวนกล่าวด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม “ไม่น่าเป็นไปได้! ตอนนี้พวกเราไม่มีความขัดแย้งกับตระกูลซู ดังนั้นแม้ว่าพวกเขาต้องการแก้แค้น แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะบุกเข้ามาตระกูลเย่ในเวลากลางวันแสก ๆ…….” เย่ฉางหมิ่นถามอย่างตะกุกตะกัก “พ่อ…ถ้างั้น…แล้วจะเป็นใครล่ะ……” หลังจากกล่าวจบ เธอรู้สึกว่าเย่เฉินเป็นคนที่บ้าบิ่น ไม่มีใครที่เย่เฉินไม่กล้าล่วงเกิน ดังนั้นเธอจึงมองไปที่เย่เฉินทันทีและอดไม่ได้ที่จะถาม “เฉิน…..เฉินเอ๋อ….. คุณได้ล่วงเกินคนข้างนอกหรือเปล่า?” เย่เฉินหัวเราะและกล่าวว่า “วันนี้ผมกลับมาตระกูลเย่วันแรก นอกจากตระกูลเย่แล้ว มีเพียงครอบครัวของลุงกู้เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ถึงแม้จะเป็นศัตรูของผม พวกเขาไม่ตามมาแก้แค้นถึงที่นี่หรอก” เย่ฉางหมิ่นรู้สึกว่าสิ่งที่เย่เฉินกล่าวนั้นมีเหตุผล อย่างไรก็ตาม เรื่องที่เย่เฉินกลับมาตระกูลเย่นั้นไม่ได้แจ้งให้คนภายนอกทราบ และไม่น่าเป็นไปได้ที่คนอื่นจะมาแก้แค้นเขาที่ตระกูลเย่โดยตรง ขณะที่ทุกคนกำลังกังวล มีเสียงเบรกของรถบรรทุกดังสนั่นอยู่ข้างนอก คนตระกูลเย่ต่างมองหน้ากัน ทุกคนรู้ว่าด้านนอกต้องมีเรื่องใหญ่ แต่ไม่มีใครรู้ว่าควรทำอย่างไรดี ขณะนี้ เสียงของลู่เห้าเทียนดังมาจากข้างนอก “คนแซ่เย่ที่อยู่ข้างในทั้งหมดฟังให้ดี ผมลู่เห้าเทียน พญาเสือแพรขาวของสำนักว่านหลง! ผมจะให้เวลาพวกคุณ 30 วินาที รีบไสหัวออกมาทั้งหมด มิฉะนั้นตอนที่ผมบุกเข้าไป จะฆ่าไม่มีละเว้น!”