เย่เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ในเมื่ออีกฝ่ายสามารถฆ่าหัวหน้าบอดี้การ์ดของตระกูลเย่ได้ เขาต้องสามารถฆ่าทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ได้แน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเขาไม่ได้มาคนเดียว คนอื่นที่มากับเขา เกรงว่าจะเป็นยอดฝีมือทั้งหมด ถ้าพวกคุณไม่ยอมออกไป และถ้าเขาออกคำสั่ง ยอดฝีมือพวกนั้นบุกเข้ามา พวกคุณทั้งหมดจะเป็นลูกแกะที่รอถูกเชือด และไม่มีใครสามารถหนีได้!” หลังจากกล่าวจบ เย่เฉินเดินไปที่ประตู และกล่าวขณะที่เดิน “ถ้าหากพวกคุณกลัวก็เดินตามหลังผม อย่างน้อยถ้าพวกเขาต้องการจะฆ่า พวกเขาจะฆ่าผมก่อน” คำพูดของเย่เฉิน ทำให้หัวใจของเย่โจงฉวนกระตุก และเขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เฉินเอ๋อพูดถูก หัวหน้าหม่าเป็นบอดี้การ์ดที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลเย่ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนธรรมดาอย่างพวกเรา ความโชคดีและความโชคร้ายถูกกำหนดไว้แล้ว ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ฟังเฉินเอ๋อดีกว่า ออกไปกันเถอะ!” หลังจากกล่าวจบ เขาหันหลังทันที และเดินตามเย่เฉินออกไป ตอนนี้คนอื่น ๆ ละทิ้งจินตนาการของพวกเขาอย่างสมบูรณ์ ทำได้เพียงติดตามคุณท่านออกไปเท่านั้น เมื่อเย่เฟิงเห็นเช่นนี้ รีบดึงพ่อของตนเองและกล่าวเบา ๆ ว่า “พ่อครับ ปืนจะยิงคนที่อยู่ข้างหน้าก่อน ในเมื่อเย่เฉินเต็มใจที่จะรนหาความตาย งั้นก็ให้เย่เฉินอยู่ข้างหน้า ส่วนพวกเราอยู่ข้างหลัง!” เย่ฉางโคงพยักหน้า เขาไม่อยากจะเสี่ยงใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นเขาเจตนาอยู่ส่วนท้ายของฝูงชน ทุกคนเดินตามออกไปจากคฤหาสน์เรื่อย ๆ ตอนนี้พวกเขาตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายได้ล้อมคฤหาสน์ไว้หมดแล้ว และในลานกว้าง รถบรรทุกพื้นเรียบที่เต็มไปด้วยโลงศพจอดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ เมื่อคนตระกูลเย่เห็นเช่นนี้ พวกเขาต่างตกใจจนหน้าขาวซีด! มีชีวิตอยู่จนโตป่านี้แล้ว ยังไม่เคยเห็นใครส่งโลงศพไปบ้านคนอื่น 100 กว่าโลง ภาพที่อยู่ตรงข้างหน้าทำให้พวกเขารู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก! คนตระกูลเย่ต่างตกใจกลัวกับภาพเหล่านี้ แต่เย่เฉินไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้า เขายังคงมองชายชุดขาวที่เป็นผู้นำ เพราะเขาสามารถมองออกว่าในบรรดาคนพวกนี้เขาเป็นคนแข็งแกร่งที่สุด เย่เฉินพบว่าชายชุดขาวคนนี้เป็นนักบู๊หกดาวเหมือนกับเฉินจงเหล่ยที่ถูกตนเองจับมาที่หัวเซี่ย เพียงแต่ ความแข็งแกร่งของเขานั้นด้อยกว่าเฉินจงเหล่ยเล็กน้อย เฉินจงเหล่ยมีสัญญาณบางอย่างว่าเขากำลังจะทะลวง แต่ชายชุดขาวคนนี้ยังอยู่ในระยะกลางของนักบู๊หกดาว สำหรับคนอื่น ๆ ที่อยู่รอบตัวเขา พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก มีนักบู๊ห้าดาวสามคน และนักบู๊สี่ดาวอีกสิบกว่าคน ส่วนคนที่เหลืออยู่ในระดับนักบู๊สามดาว เย่เฉินต้องยอมรับว่าคนสำนักว่านหลงพวกนี้ แข็งแกร่งกว่าตระกูลศิลปะการต่อสู้ทั่วไปมาก สำหรับครอบครัวศิลปะการต่อสู้ทั่วไปแล้ว การมีนักบู๊สามดาวหนึ่งคนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่สำนักว่านหลงมีนักบู๊สามดาวมากมาย และมากเหมือนกับเกี๊ยวซ่า การโยนเกี๊ยวจำนวนมากขนาดนี้ลงไปในหม้อคราวเดียวนั้นยังต้มไม่หมดเลย ขณะนี้ ลู่เห้าเทียนเห็นสีหน้าสมาชิกของตระกูลเย่ตื่นตระหนก เขายิ้มเยาะเย้ยและถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “ผู้นำตระกูลเย่ของพวกคุณอยู่ที่ไหน?!” ในใจของเย่โจงฉวนนั้นรู้สึกตื่นตระหนก แต่เขาทำได้เพียงกัดฟันยืนขึ้นและกล่าวว่า “ผมคือผู้นำตระกูลเย่!” หลังจากนั้น เขามองไปที่ลู่เห้าเทียนและถามว่า “พวกเราตระกูลเย่ไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกับสำนักว่านหลงของพวกคุณ ทำไมพวกคุณถึงได้นำโลงศพมากมายมาที่ตระกูลเย่?” “ไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้น?” ลู่เห้าเทียนหัวเราะและกล่าวว่า “ตาแก่ ผมจะบอกคุณว่าสำนักว่านหลงกับตระกูลเย่ไม่เพียงเป็นศัตรูคู่แค้นกันเท่านั้น แต่ยังไม่อาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันอีกด้วย!” หลังจากนั้น เขากล่าวอีกว่า “วันนี้ผมรับคำสั่งจากว่านพั่วจวิน ประมุขของสำนักว่านหลง มาที่นี่เพื่อออกคำสั่งให้ตระกูลเย่ และทุกคำที่ผมกำลังจะพูดต่อไปนี้ พวกคุณตั้งใจฟังให้ดี!”