เงื่อนไข 3 ประการของว่านพั่วจวิน ไม่ว่าจะสำหรับใครก็ตาม มันเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ยังไม่เคยได้ยินมาก่อน! ต้องการสุสานบรรพบุรุษของตระกูลเย่ ทิ้งโลงศพเย่ฉางอิงและภรรยาเอาไว้ แล้วให้ตระกูลเย่สวมเสื้อกระสอบไว้ทุกข์ให้กับพ่อแม่ของเขา และยังต้องการทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเย่! บอกว่าเงื่อนไขสามข้อ แต่ความจริงแล้วเป็นสี่ข้อ และเงื่อนไขทั้งสี่ข้อนี้ ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขข้อใด ล้วนเป็นการท้าทายขีดจำกัดของตระกูลเย่ ซึ่งเงื่อนไขทุกข้อล้วนเป็นเหมือนการเอาหน้าของตระกูลเย่วางลงบนพื้นและใช้เท้าเหยียบอย่างหนัก และถ้านำเงื่อนไขทั้งสี่ข้อนี้ซ้อนกัน ไม่เพียงแต่นำหน้าของตระกูลเย่วางลงบนพื้นและใช้เท้าเหยียบเท่านั้น แต่ยังเหยียบด้วยรองเท้าที่มีหนามแหลมคม ขณะเดียวกันยังถ่มน้ำลายใส่อีกด้วย หลังจากนั้นก็ตัดแขนขาของคนตระกูลเย่ เมื่อเย่โจงฉวนฟังถึงตรงนี้ เขารู้สึกโมโหจนโรคหัวใจเกือบกำเริบ! ความโกรธนั้นสามารถเอาชนะความกลัว เขาจึงกล่าวด้วยความโมโหว่า “ประมุขของพวกคุณรังแกคนมากเกินไปแล้ว!!!” “การฆ่าตัวตายของว่านเหลียนเฉิงและภรรยา ไม่เกี่ยวอะไรกับตระกูลเย่แม้แต่น้อย! การที่ผมยินยอมที่จะจ่ายเงินหนึ่งหมื่นล้าน ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว!!!” “แต่ประมุขของพวกคุณ กลับเรียกร้องเงื่อนไขที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายขนาดนี้ หากทำเช่นนี้ได้ ก็ไม่มีอะไรที่ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว!!!” ลู่เห้าเทียนหัวเราะ หยิบคูบาซิการ์ออกมาอีกมวน หลังจากจุดไฟแล้วสูบ จากนั้นพ่นควันไปที่หน้าของเย่โจงฉวน และกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ตาแก่ คุณไม่ยอมรับก็ไม่เป็นไร ประมุขคาดไว้แล้วว่าพวกคุณเป็นคนประเภทที่ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา!” จากนั้น เขาหันหลังไปชี้โลงศพที่อยู่ข้างหลัง แล้วกล่าวเยาะเย้ยว่า “ดังนั้น ประมุขจึงให้ผมนำโลงศพเหล่านี้มา เพื่อให้พวกคุณเห็น และให้พวกคุณทราบว่าโลงศพเหล่านี้เตรียมไว้สำหรับพวกคุณ!” เย่โจงฉวนกล่าวอย่างเย็นชา “ผมไม่เชื่อว่าพวกคุณจะสามารถฆ่าคนของตระกูลเย่ได้ทั้งหมด! ที่นี่ไม่ใช่ตะวันออกกลางและไม่ใช่แอฟริกา! ไม่ใช่สถานที่ที่คุณจะมาใช้วิธีป่าเถื่อนได้!” ลู่เห้าเทียนกล่าวด้วยความเหยียดหยามว่า “แน่นอนว่าประมุขรู้เรื่องนี้ และการที่ประมุขกลับมาที่เย่นจิงคราวนี้ นอกจากมาแก้แค้นจากตระกูลเย่แล้ว ยังประกาศกับทุกตระกูลของเย่นจิงว่าลูกชายของว่านเหลียนเฉิงได้กลับมาอย่างเป็นทางการแล้ว ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ ประมุขต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างแน่นอน……” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ลู่เห้าเทียนยิ้มด้วยความชั่วร้ายและกล่าวว่า “แต่ประมุขยังบอกด้วยว่าถ้าตระกูลเย่ไม่ยอมรับเงื่อนไขของเขา เขาก็จะไม่ทำอะไรคนของตระกูลเย่ เพียงแต่ ในอนาคตคนของตระกูลเย่จะตายไปทีละคนอย่างแน่นอน!” “ยิ่งไปกว่านั้น สาเหตุการตายอาจแตกต่างกันและหลากหลาย!” “บางคนอาจเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ บางคนอาจเสียชีวิตจากอัคคีภัย บางคนอาจเสียชีวิตจากการจมน้ำหรือการฆ่าตัวตาย และบางคนอาจถูกสุนัขหลายสิบตัวกัดตาย…….” “อย่างไรก็ตาม สำหรับพวกคุณแล้วจะตายโดยวิธีใดนั้นมันก็เหมือนการสุ่ม และใครสุ่มได้วิธีใดก็ขึ้นอยู่กับโชคของตนเอง” คำพูดประโยคนี้ของลู่เห้าเทียน ทำให้คนของตระกูลเย่ทั้งหมดรู้สึกกระสับกระส่าย ยกเว้นเย่เฉินคนเดียว ความรู้สึกแบบนี้ราวกับว่ามีดคมของอีกฝ่ายได้จ่ออยู่ตรงหัวใจของพวกเขา และมันสามารถแทงเข้าไปได้ทุกเมื่อ เมื่อเย่โจงฉวนได้ยินประโยคนี้ เขารู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก เขาเข้าใจแผนของว่านพั่วจวินแล้ว ในเมื่อว่านพั่วจวินต้องการกลับมาอย่างเปิดเผย เขาจึงไม่กล้าฆ่าตระกูลเย่อย่างครึกโครมแน่นอน ถึงแม้จะไม่สามารถสังหารอย่างเปิดเผยได้ แต่การลอบสังหารนั้นง่ายกว่ามาก สำนักว่านหลงเป็นองค์กรทหารรับจ้างชั้นนำของโลก มียอดฝีมืออยู่ภายใต้การบังคับบัญชามากมาย หากยอดฝีมือเหล่านี้มาลอบสังหารคนตระกูลเย่ คนของตระกูลเย่จะไม่มีใครสามารถมีชีวิตรอดอย่างแน่นอน เขารู้สึกว่าแม้แต่จะเป็นเย่เฉิน เกรงว่าคงจะไม่สามารถต้านยอดฝีมือที่น่าสะพรึงกลัวพวกนั้นได้ หากตระกูลเย่ไม่สามารถตอบสนองคำขอของว่านพั่วจวินได้ ว่านพั่วจวินจะต้องลอบสังหารตระกูลเย่ตามอำเภอใจอย่างแน่นอน และเขายังเชื่อว่าว่านพั่วจวินรอวันนี้มายี่สิบปีแล้ว และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่การพูดข่มขู่เท่านั้น เพียงแต่เงื่อนไขที่ว่านพั่วจวินกำหนดโดยนั้นมันโหดร้ายเกินไป