ถังซื่อไห่รีบพยักหน้าพร้อมพูดว่า : “คุณชายคิดอย่างรอบคอบและยาวไกล ในอนาคตตระกูลเย่อยู่ในมือของคุณ จะต้องสามารถส่งเสริมให้เจริญรุ่งเรืองได้แน่” เย่เฉินยิ้มอย่างราบเรียบ นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ก็ถามเขาว่า : “จริงสิพ่อบ้านถัง พ่อของว่านพั่วจวิน ก็คือว่านเหลียนเฉิงคนนั้น ในปีนั้นก็น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรต่อต้านตระกูลเย่ใช่ไหม?” “ไม่เพียงแค่เป็นส่วนหนึ่งธรรมดาๆเท่านั้น” ถังซื่อไห่รีบพูดกล่าวว่า : “ว่านเหลียนได้รับการสนับสนุนจากเฉิงซูโสว่เต้า เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำพูดของเฉิงซูโสว่เต้า เป็นบุคคลสำคัญของพันธมิตรต่อต้านตระกูลเย่อย่างแน่นอน” “เป็นเช่นนี้นี่เอง” เย่เฉินยิ้มพร้อมพูดว่า : “งั้นในเมื่อพูดแบบนี้แล้ว ว่านพั่วจวินคนนั้น น่าจะเคารพต่อเฉิงซูโสว่เต้าอย่างมากถึงจะถูกใช่ไหม?” ถังซื่อไห่พูดว่า : “ตามหลักทฤษฎีแล้วน่าจะเป็นเช่นนี้ ถึงอย่างไรเฉิงซูโสว่เต้าในปีนั้นก็เป็นผู้มีพระคุณของตระกูลว่าน หากไม่ได้รับการสนับสนุนของเขา ว่านเหลียนเฉิงอยู่ที่เย่นจิงจะถือว่าเป็นอะไรกันเชียว” เย่เฉินพยักหน้าแล้ว ทำเสียงจุ๊ๆด้วยใบหน้าที่เล่นหูเล่นตาพร้อมพูดว่า : “งั้นก็น่าสนใจดีนะ พรุ่งนี้หลังจากที่ว่านพั่วจวินขึ้นไปยังภูเขาเย่หลิงซานแล้ว ถ้าหากเห็นว่าเฉิงซูโสว่เต้าอยู่ในกำมือของฉัน ไม่รู้ว่าจะมีความรู้สึกยังไง” ถังซื่อไห่ยิ้มเล็กน้อย พูดว่า : “ดูเหมือนว่าคุณชายจะมีความมั่นใจตั้งนานแล้ว!” เย่เฉินยิ้มเบาๆพร้อมพูดว่า : “พ่อบ้านถังคงจะยังไม่รู้ว่า ผู้บัญชาการสูงสุดของสำนักว่านหลงในซีเรีย ตอนนี้ก็ถูกกักขังพร้อมกันกับซูโสว่เต้า พรุ่งนี้เช้า ฉันก็จะพาตัวเขาขึ้นไปยังภูเขาเย่หลิงซานด้วย ให้ว่านพั่วจวินได้รู้หน่อยว่า อะไรที่แม่งเรียกว่าเซอร์ไพรส์” พูดแล้ว เขาก็รีบพูดสั่งว่า : “พ่อบ้านถัง ไม่ต้องไปที่ตระกูลเหอก่อนแล้ว นายพาฉันไปอีกที่!” …… หลังจากยี่สิบนาทีผ่านไป บ้านไร่หลังหนึ่งในเขตชานเมืองแห่งเย่นจิง ถังซื่อไห่เพิ่งจะขับรถมาถึงหน้าประตู ประตูเหล็กของบ้านไร่ก็มีคนเปิดออกให้จากด้านในแล้ว เหอหงเซิ่งพาเด็กวัยรุ่นสองคนของตระกูลเหอเข้ามาต้อนรับโดยทันที เห็นเย่เฉินลงจากรถ พูดกว่าด้วยความเคารพว่า : “คุณเย่!” เย่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย ถามเหอหงเซิ่ง : “สองคนนั้น ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” เหอหงเซิ่งรีบพูด : “กว่าสามสี่คนต่างก็จับจ้องไว้อย่างไม่ละสายตาเลย เข้าห้องน้ำก็มีคนรายล้อมกว่าหลายคน ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นแน่นอนครับ” เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยพร้อมพูดว่า : “ไปกัน พาฉันไปดูหน่อย” เหอหงเซิ่งพยักหน้า เบี่ยงตัว ทำท่าทางเชิญแล้ว พูดอย่างเคารพว่า : “เชิญคุณเย่!” เย่เฉินหันไปพูดกับถังซื่อไห่ว่า : “พ่อบ้านถัง ไปเจอคนรู้จักเก่าด้วยกันนะ” ถังซื่อไห่รีบพูดว่า : “ครับคุณชาย!” รุ่นน้องตระกูลเหอรีบเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว พาเย่เฉินและถังซื่อไห่เข้าไปยังบ้านสไตล์ตะวักตกในบ้านไร่ ในห้องที่ไม่ถึงยี่สิบตารางเมตร สมาชิกตระกูลเหอนั่งล้อมวงกัน 7-8คน ในวงมีผู้ชายสองคนที่ผูกติดกับเก้าอี้อย่างแน่นหนา และก็โดนผ้าสีดำคลุมศีรษะด้วย เย่เฉินเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แอบคิดในใจ แค่มัดซูโสว่เต้าไว้ก็พอแล้ว ตอนนี้เฉินจงเหล่ยเชื่อฟังยิ่งกว่าสุนัขอีก ไม่ต้องจัดการให้ยุ่งยากขนาดนี้แล้ว แต่ว่า สมาชิกตระกูลเหอทำอะไรก็จริงจังและมีความรับผิดชอบ คำพูดแบบนี้ของตัวเองแน่นอนว่าไม่สามารถพูดออกมาได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กระตุ้นความกระตือรือร้นของสมาชิกตระกูลเหอ เพราะงั้น เย่เฉินจัดการเองเลย ดึงผ้าสีดำที่คลุมศีรษะของทั้งสองคนลงมาแล้ว ในเวลานี้ ก็เห็นในปากของซูโสว่เต้าและเฉินจงเหล่ย ยังถูกอุดด้วยผ้าขนหนูด้วย ซูโสว่เต้าเงยหน้าขึ้นมองเย่เฉิน สายตาและสีหน้าท่าทางเปลี่ยนเป็นตึงเครียดและหวาดกลัวเล็กน้อยทันที เย่เฉินเห็นเขาตึงเครียดเช่นนี้ ก็เอาผ้าขนหนูที่อุดปากของเขาออก ยิ้มพร้อมพูดว่า : “ไอหยาคุณซู อย่ากลัวแบบนี้ซิ ฉันก็แค่มาเยี่ยมคุณเองนะ ถือโอกาสเอาข่าวดีมาบอกคุณด้วย” ซูโสว่เต้าได้ยินคำพูดนี้ก็ยิ่งตื่นเต้น อดไม่ได้ที่จะถามว่า : “คุณ……คุณมีข่าวดีอะไรกัน……” เย่เฉินยิ้มพร้อมถามเขาว่า : “คุณซูไม่รู้ว่าเคยได้ยินสำนักว่านหลงองค์กรนี้ไหม?” ซูโสว่เต้าขมวดคิ้วแน่นแล้ว พูดอย่างหดหู่มากว่า : “สำนักว่านหลงผมรู้จักอย่างแน่นอน……คุณ……คุณให้ผมอยู่ที่ซีเรียมานานขนาดนั้น ที่นั่นสู้รบตั้งแต่เช้าจนถึงค่ำ ก็คนของสำนักว่านหลงสู้รบกับฮามิดไม่ใช่เหรอ? ” “ใช่” เย่เฉินพยักหน้า ยิ้มพร้อมพูดว่า: “พูดขึ้นมาคุณก็คงไม่เชื่อแน่ ประมุขของสำนักว่านหลงคนนี้ เป็นคนรู้จักเก่าของฉันอีกด้วย!