วันนี้ หลังจากที่กู้เย้นจงได้ยินเรื่องที่สำนักว่านหลงจะฆ่าตระกูลเย่แล้ว ก็ออกไปขอความช่วยเหลือทุกทั่วที่ เดิมทีเขาคิดที่จะใช้ตัวตนและใบหน้าาของตัวเอง ไปขอพวกผู้ช่วยให้เย่เฉินสักหน่อย แต่ว่า ตอนนี้สมาชิกของตระกูลใหญ่ในเย่นจิง ประหม่าและเกรงกลัวต่อเรื่องนี้แล้ว ชื่อเสียง พละกำลังของสำนักว่านหลงล้วนแต่แข็งแกร่งอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่าทุกคนในตระกูลใหญ่เหล่านี้ที่เย่นจิง ต่างก็ลงความเห็นว่าครั้งนี้ตระกูลเย่จะต้องตายอย่างไม่มีข้อสงสัยแน่นอน เพราะงั้น ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าเข้าไปเกี่ยวพันกับตระกูลอีก นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม ซูเฉิงเฟิงถึงได้ดีใจจนลืมตัวแบบนี้ เพราะว่าในสายตาของทุกคน ครั้งนี้ตระกูลเย่หลีกหนีไม่พ้นแน่นอน สำนักว่านหลงเหมือนกับรถรบเหล็กที่มีกองกำลังจำนวนมาก สามารถบดขยี้ร่างกายและเลือดเนื้อของตระกูลเย่ภายใต้วงล้อได้อย่างสบายๆ! เพราะงั้น คนเหล่านี้ได้ยินว่ากู้เย้นจงจะต้องไปช่วยเหลือที่ภูเขาเย่หลิงซาน ตกใจพูดปฏิเสธอย่างต่อเนื่องเลย อย่าว่าแต่มาช่วยเหลือเลยนะ แม้แต่พวกเขาจะพูดอะไรหน่อยกับกู้เย้นจงยังไม่กล้าเลย ไล่เขาออกไปจากบ้านอย่างกับขับไล่เทพพระเจ้าแห่งโรคระบาดออกไปเลย กู้เย้นจงวิ่งเต้นอยู่ข้างนอกทั้งวันแล้ว ไปเสียเที่ยว แถมยังถูกทำให้รู้สึกโกรธที่ไม่ได้รับความธรรมด้วย เกิดความโมโหทั้งวันอย่างไม่หยุดหย่อน ทำให้ตอนที่เขากลับมาความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้นมาก เกือบจะหมดสติไป ในเวลานี้เขา กำลังนอนให้ยาลดความดันโลหิตอย่างนิ่งๆที่ห้องรับแขก หลินหว่านชิวภรรยาของเขาคอยดูแลอยู่ข้างๆ เย่เฉินได้ฟังคำพูดของกู้ชิวอี๋ รีบพูดกล่าวว่า : “รีบพาฉันเข้าไปดูลุงกู้ เขาเป็นคนที่เคยกินยาอายุวัฒนะมาก่อน ทำไมถึงโมโหจนทำให้ความดันโลหิตสูงได้ นี่คือโมโหจนกลายเป็นแบบไหนเนี่ย……” พูดแล้ว เย่เฉินก็ลากกู้ชิวอี๋ ก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ เมื่อเข้าประตูมา ก็เห็นกู้เย้นจงนอนเอนอยู่บนโซฟา ให้น้ำเกลือไปพลางพูดด่าทอไปพลางว่า : “ไอพวกชอบประจบสอพลอคนฐานะสูงแต่วางตัวปั้นปึ่งกับผู้ที่มีฐานะต่ำกว่าหมาเย็ดแม่พวกนี้ ปกติคอยประจบประแจงรอบกายฉันอย่างหน้าไม่อายเหมือนหมาเลยยังไงอย่างนั้น ตอนนี้ฉันออกไปขอกำลังคนจากพวกเขานิดหน่อย เพื่อสนับสนุนกองกำลังให้ดูยิ่งใหญ่ แต่ละคนแทบอยากจะไล่ฉันออกจากประตูบ้าน สารเลวจริงๆ!” หลินหว่านชิวอดไม่ได้ที่จะพูดแนะนำเขา : “พอแล้วๆ คุณใจเย็นๆก่อนนะ อย่าทำให้ตัวเองโมโหจนร่างกายย่ำแย่เพราะคนเหล่านี้เลยนะ” กู้เย้นจงพูดอย่างหดหู่มากว่า : “ประเด็นคือผมไม่ได้โมดโห ผมแค่ร้อนใจ!ผมกลัวว่าพรุ่งนี้เฉินเอ๋อจะสู้สำนักว่านแม่งอะไรหลงนั่นนะไม่ได้……” เย่เฉินเห็นภาพฉากนี้แล้ว อดไม่ได้ที่จะยิ้มพร้อมพูดกล่าวว่า : “ลุงกู้ไม่ต้องเป็นกังวลไป พรุ่งนี้ไม่ว่าสำนักว่านหลงนั่นและว่านพั่วจวินนั่นจะสุดยอดมากแค่ไหน ผมก็รับได้ทั้งหมด” สองสามีภรรยาได้ยินน้ำเสียงของเย่เฉิน นี่ถึงจะรีบหันหน้ามามองแล้ว กู้เย้นจงพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง โพล่งพูดออกมาว่า : “เฉินเอ๋อกลับมาแล้ว!” เย่เฉินพยักหน้าแล้ว รีบเดินไปตรงหน้าของกู้เย้นจงและหลินหว่านชิวพร้อมพูดว่า : “ลุงกู้ น้าหลิน สำนักว่านหลงเป็นแค่เรื่องเล็กไม่ได้น่าหวาดกลัวเลยด้วยซ้ำ พวกคุณไม่ต้องเป็นห่วงผมเลยนะ” กู้เย้นจงถามอย่างตกใจว่า : “เฉินเอ๋อ คุณ……คุณมีวิธีการรับมือกับสำนักว่านหลงนั่นเหรอ?” เย่เฉินยิ้มพร้อมพูดว่า :“จัดการคนต่ำต้อยแบบนี้ ล้วนแต่เทียบไม่ได้กับคำว่ารับมือไม่รับมือ” พูดแล้ว เย่เฉินก็พูดอีกว่า : “ผมรอให้ว่านพั่วจวินนั่นมาหาถึงที่มาตลอด ขอแค่เขากล้ามา ผมก็จะเหยียบเขาให้จมดิน และขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำตระกูลเย่อย่างถูกจังหวะและตามขั้นตอน” พูดมาถึงตรงนี้ เย่เฉินก็ยักไหล่พร้อมยิ้มว่า : “เขาไม่มา เรื่องรับตระกูลเย่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี คุณท่านใหญ่อยู่ในวัยที่แข็งแกร่งและทรงพลัง ผมก็ไม่สามารถที่จะดึงให้เขาลงมาจากตำแหน่งของผู้นำตระกูลได้” กู้เย้นจงดีใจอย่างมีความสุขทันที โพล่งพูดออกไปอย่างตื่นเต้นมากว่า : “เฉินเอ๋อ!ที่คุณพูดมาเป็นความจริงเหรอ?!” เย่เฉินพยักหน้ายิ้มพร้อมพูดว่า : “แน่นอน เรื่องแบบนี้ผมจะหลอกคุณได้ยังไงกันล่ะ?คุณอยากให้ผมเป็นผู้นำตระกูลเย่ สืบทอดเจตนารมณ์ของพ่อผม และส่งเสริมให้ตระกูลเย่เจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไม่ใช่เหรอ?คำพังเพยนี้กล่าวไว้ได้ดีมาก ปราศจากการทำลายล้าง ย่อมไร้การประกอบสร้าง!ถ้าหากตระกูลเย่ไม่มีวิกฤตเลยสักนิด จะยินยอมให้ผมนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำตระกูลได้อย่างไรกันละ?” “เพราะงั้น วิธีการที่ดีที่สุดก็คือทำลายกฎเดิมแล้วสร้างกฎใหม่ขึ้นมา!” “และว่านพั่วจวินคนนี้ เป็นคนช่วยผมทำลายตระกูลเย่!” เมื่อกู้เย้นจงได้ฟังคำพูดของเย่เฉินแล้ว อึ้งไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามโดยทันทีว่า : “ฉันเอ๋อ สำนักว่านหลงนี้แข็งแกร่งมากจริงๆ สมุนที่อยู่ภายใต้คำสั่งของเขามีมากกว่าหลายหมื่นคน คุณอย่าเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ยิ่งกว่านั้นคนมากมายขนาดนี้ด้วย!” เย่เฉินยิ้มพร้อมพูดว่า : “ลุงกู้ไม่ต้องเป็นกังวล สมุนของสำนักว่านหลงมีมากมายก็จริง แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นทหารรับจ้างที่พวกเขาใช้เงินจ้างมา หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นเล็กน้อย คนกลุ่มนี้ก็หลบหนีกันอย่างกระเจิงทันที อีกอย่างกลุ่มคนที่แท้จริงหลักๆของพวกเขามีแค่หนึ่งร้อยกว่าคนเท่านั้น ไม่น่าเกรงกลัวเลยสักนิด ”