จู่ๆได้ยินเย่เฉินพูดถึงเฉินจงเหล่ย สีหน้าท่าทางของว่านพั่วจวินเปลี่ยนเป็นดูแย่มากทันที เฉินจงเหล่ยเป็นพญาหมาป่าเนตรเขียวในสำนักว่านหลงที่มีพละกำลังรองจากว่านพั่วจวิน เป็นผู้นำกองทัพที่ว่านพั่วจวินให้ความสำคัญอย่างมากมาตลอด เป็นบุคคลอันดับสองที่มีตำแหน่งสูงส่งและทรงอำนาจมาก จู่ๆประสบความล้มเหลวที่ตะวันออกกลางอย่างน่าอนาถที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งสำนักว่านหลงขึ้นมา ถูกฆ่าตายกว่าหลายพันคน ถูกจับตัวไปหมื่นกว่าคน ทำให้สำนักว่านหลงอับอายในระดับสากลเลย อีกอย่าง หลังจากนั้นมา เฉินจงเหล่ยก็หายตัวไป ไม่มีข่าวคราวเลย ไม่มีใครรู้ว่าเขาถูกจับตัวไป หรือว่ากบฏแล้ว หรือว่าเสียชีวิตไปแล้วกันแน่ และว่านพั่วจวินก็รู้ดี เย่เฉินพูดชื่อของเฉินจงเหล่ยออกมาได้ งั้นก็พิสูจน์ได้ว่าเขารู้เรื่องเกี่ยวกับความล้มเหลวในตะวันออกกลางก่อนหน้านี้ของสำนักว่านหลงอย่างชัดเจน จงใจพูดถึงในเวลานี้ ก็เพื่อที่จะหัวเราะเยาะตัวเอง ว่านพั่วจวินที่พาลโกรธพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : “เด็กน้อย ไม่ต้องมาพูดปากเก่งอยู่ตรงนี้แล้ว อย่าว่าเฉินจงเหล่ยเลย แม้แต่เห้าเทียน แกก็ไม่สามารถเอาชนะได้เลย!” พูดแล้ว เขาก็มองไปที่ลู่เห้าเทียน พูดด้วยน้ำเสียงเที่เคร่งขรึมว่า : “เห้าเทียน ฉีกปากเน่าๆของเขาซะ!” ลู่เห้าเทียนพยักหน้า เดินก้าวไปข้างหน้าพูดอย่างเยือกเย็นว่า : “เด็กน้อย มาสิ ให้ฉันดูหน่อยว่าแกมีความสามารถมากแค่ไหน กล้าพูดจาเหิมเกริมเช่นนี้!” พูดแล้ว สองกำปั้นของลู่เห้าเทียนสั่นอย่างรุนแรงทันที กำลังภายในที่แข็งแกร่งรวบรวมไปที่หน้ากำปั้น ปล่อยเสียงระเบิดดังอึกทึกออกไปกลางอากาศสองครั้ง! ไม่เพียงเท่านี้! ฝนตกโปรยปรายรอบๆกำหมัดของเขา จู่ๆก็ตามมาด้วยเสียงเอี๊ยดๆที่เกิดจากหยดน้ำเปลี่ยนสภาพเป็นก๊าซในอุณหภูมิที่สูง ราวกับว่าเอาเหล็กร้อนๆสีแดงจุ่มลงไปในน้ำยังไงอย่างนั้น! กำลังภายในที่แข็งแกร่งราวกับสนามแม่เหล็กที่รังสีความเข้มสูง ทำให้นักบู๊และนินจาที่อยู่รอบๆตกใจอย่างมากทันที แม้ว่าลู่เห้าเทียนยังไม่ได้ลงมือ แต่กำลังภายในที่แข็งแกร่งของเขานำมาซึ่งแรงลม ทำให้นักบู๊ที่อยู่รอบๆตระหนักถึงว่า คนๆนี้พละกำลังสูงส่งมาก เหนือความคาดหมายของพวกเขาไว้มาก! เหอหงเซิ่งมองจนตะลึงตาค้างจนพูดอะไรไม่ออกเลย พูดอย่างตกใจด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า : “กำลังภายในของคนๆนี้ยอดเยี่ยมที่สุด ทำอย่างง่ายๆโดยไม่ต้องเปลืองแรงเยอะ จู่ๆก็ก่อให้เกิดแรงลมได้แล้ว แถมกำลังภายในยังบริสุทธิ์อย่างมากด้วย !นี่……นี่ก็คือพละกำลังที่น่าหวาดกลัวของนักบู๊หกดาว!” ซูรั่วหลีก็ตกใจแล้ว โพล่งพูดว่า : “คุณตา!คนๆนี้อายุยังน้อย ทำไมถึงไปถึงระดับนักบู๊หกดาวได้ล่ะ?สำรวจดูทั่วทั้งประเทศ ก็ไม่มีใครเป็นนักบู๊หกดาวเลยนะ!” เหอหงเซิ่งพูดอย่างถอนหายใจว่า : “ซูรั่วหลีไม่รู้อะไร สันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ กระแสนิยมในสังคมของการฝึกศิลปะการต่อสู้ยิ่งอ่อนแอลงขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์ศิลปะต่อสู้ในประเทศ ทยอยออกไปเมืองนอกกว่าหลายสิบปีก่อนตั้งนานแล้ว” พูดแล้ว เหอหงเซิ่งมองไปยังซูรั่วหลี พูดอย่างจริงจังว่า : “รั่วหลี แกอายุน้อยขนาดนี้สามารถทะลุทะลวงไปยังนักบู๊สามดาวภายใต้การช่วยเหลือของคุณเย่ได้ ในอนาคตของแก ความสำเร็จจะต้องอยู่เหนือฉันแน่นอน! บรรลุหกดาว ก็อาจจะไม่ใช่แค่ฝัน!” ซูรั่วหลีพูดเสียงเบาๆว่า : “นักบู๊หกดาว……ฉัน……ไม่กล้าคิด……” เหอหงเซิ่งมองไปที่เธอแวบหนึ่ง พูดอย่างจริงจังว่า : “เมื่อก่อนอาจจะไม่กล้าคิด แต่แกมีคุณเย่ที่คอยให้ความโชคดี แถมยังมีการช่วยเหลือของคุณเย่อีกด้วย หกดาวก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้……” พูดจบ เหอหงเซิ่งมองไปที่ซูรั่วหลี พูดอย่างจริงจังว่า : “รั่วหลี ตั้งแต่วันนี้ไป ตระกูลเหอก็มีแกเป็นผู้นำนะ เห็นพละกำลังของหนุ่มสาวในตอนนี้ที่แข็งแกร่งและทรงพลังมาก คนแก่อย่างฉัน ก็จะต้องเก็บตัวถือศีลให้ดีๆแล้ว……” ซูรั่วหลีคิดไม่ถึงว่า จู่ๆคุณตาจะมอบอำนาจการเป็นผู้นำของตระกูลเหอให้ตัวเองในเวลานี้ แต่สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ จริงๆแล้วเหอหงเซิ่งเมื่อคืนเห็นเธอ เมื่อได้รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ และได้รู้ประสบการณ์ทั้งหมดในช่วงเวลานี้ ก็ได้ตัดสินใจไว้แล้วว่า ให้เธอมาเป็นผู้นำตระกูลเหอ เพราะว่าเขาตระหนักถึงอย่างชัดเจนว่า เย่เฉิน เป็นผู้สูงศักดิ์ที่ตระกูลเหอร้อยปีก็ไม่เคยพบเจอ และทั้งตระกูลเหอ ก็ถือว่าซูรั่วหลีได้รับความโปรดปรานจากเย่เฉินมากที่สุด ขอเพียงแค่ในอนาคตเธอพยายามที่จะอยู่ข้างกายเย่เฉินอย่างเต็มที่ เย่เฉินไม่มีทางที่จะปฏิบัติ​ต่อเธอ​อย่าง​ไม่​ยุติธรรม​แน่ ส่วนวิกฤตของสำนักว่านหลงในวันนี้ เขาเชื่อว่า สำหรับเย่เฉินแล้วไม่ถึงว่าเป็นปัญหาอะไร