ว่านพั่วจวินในเวลานี้ อยากจะฆ่าเย่เฉินให้ตายตรงนี้ ต่อหน้าโลงศพของพ่อแม่ตัวเอง ต่อหน้าหลุมฝังศพของพ่อแม่เย่เฉินโดยเร็ว! เพราะว่า มีเพียงแค่แบบนี้ ถึงจะเป็นวิธีการแก้แค้นที่ดีที่สุด สมบูรณ์แบบที่สุด! มีเพียงแค่ทำแบบนี้ ถึงสามารถบอกพ่อแม่ของตัวเองได้ว่า ลูกชายของพวกเขาแข็งแกร่งกว่าลูกชายของเย่ฉางอิง! มีเพียงทำแบบนี้ ถึงสามารถทำให้พ่อแม่ที่เป็นวิญญาณบนสวรรค์เข้าใจว่า ปีนั้นพวกเขาไม่ชนะเย่ฉางอิง แต่ลูกชายของพวกเขาชนะลูกชายของเย่ฉางอิง! นี่ก็หมายความว่า พ่อแม่ของตัวเองท้ายที่สุดแล้วก็ชนะเย่ฉางอิง! ในขณะเดียวกัน ก็สามารถทำให้วิญญาณที่อยู่บนสวรรค์ของเย่ฉางอิงได้เห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อ20ปีก่อนเขาชนะก็ไม่ได้ถือว่าเป็นอะไร 20ปีต่อมา ตัวเองสามารถเอาคืนกลับได้ทั้งต้นทั้งดอก! เผชิญกับการท้าทายของว่านพั่วจวิน เย่เฉินหัวเราะเยาะออกมา ชี้ไปที่ลู่เห้าเทียน พูดอย่างราบเรียบว่า : “ให้เขาเข้ามาเถอะ ฉันกับเขาได้นัดหมายกันไว้ก่อนแล้ว เพราะว่าเมื่อวานเขาพูดว่าวันนี้จะฆ่าฉันเป็นอันดับแรก และฉันก็บอกแล้วว่า คำไหนคำนั้น!” ว่านพั่วจวินพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : “ทำไม?แกอยากตายในเงื้อมมือของคนอื่น?ฉันจะบอกแกให้ฟังนะ ฉันไม่มีทางให้แกสมหวัง!” เย่เฉินพูดอย่างดูถูกว่า : “หยุดคิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียวได้แล้ว ฉันแค่ไม่อยากขึ้นมาแล้วรังแกแกก่อน เพราะงั้นฉันจึงเลือกจัดการคนที่รังแกได้ง่ายๆก่อน แกมองดูอยู่ข้างๆก่อนได้ รอฉันจัดการเขาเสร็จแล้ว แล้วค่อยจัดการกับแก !” “เยสเข้!” ว่านพั่วจวินโมโหเลย! เขาชี้ไปยังเย่เฉิน กัดฟันพูดด่าด้วยความเกลียดแค้นว่า : “เย่เฉิน แกนี่แม่งปากดีซะเหลือเกิน!หลายปีมานี้ฉันฆ่าคนมานับไม่ถ้วนแล้ว!ไม่มีใครปากต่ำช้าเท่าแกเลย!” เหล่าทหารคนอื่นๆของสำนักว่านหลงก็โมโหแทบบ้าแล้ว พวกเขาติดตามประมุขว่านพั่วจวินมาหลายปีขนาดนี้ โลกภายนอกมีใครบ้างที่ได้ยินชื่อว่านพั่วจวินสามคำนี้แล้วไม่คุกเข่าวิงวอนขอความเมตตาบ้าง? มีเพียงแค่เด็กน้อยคนนี้เท่านั้น จู่ๆก็ด่าประมุขของตัวเองซะเละเลย นี่แม่งน่าอัปยศอดสูเลย! เพราะงั้น ในสำนักว่านหลงก็มีคนๆหนึ่งเดินออกมาทันที คารวะว่านพั่วจวิน พูดเสียงสูงว่า : “ประมุข!ได้โปรดอนุญาตให้ผมออกไปสู้รบ ฉีกปากเน่าๆของไอ้สารเลวนี่แทนท่านด้วย!” ไม่รอให้ว่านพั่วจวินพูด เย่เฉินก็มองไปที่เขาพร้อมพูดด่าว่า : “แกจะถือว่าเป็นอะไรกันเชียว?ไสหัวไปอีกฝั่ง!ฉันบอกแล้ว ฉันจะต้องรักษาสัญญากับไอ้โง่นี่ก่อน!” ระหว่างที่พูด มือของเย่เฉินก็ชี้ไปยังพญาเสือแพรขาวลู่เห้าเทียน ลู่เห้าเทียนรู้ ไอ้โง่ที่เย่เฉินพูดมา หมายถึงตัวเอง ในเวลานี้เขาโกรธมากจริงๆ เขามองไปที่ว่านพั่วจวิน พูดอย่างเร่งรีบว่า : “ประมุข!ให้ผมไป ผมจะฉีกเขาเอง!” ในเวลานี้ว่านพั่วจวินมองไปยังเย่เฉินแวบหนึ่งด้วยสีหน้าท่าทางที่อึมครึม พูดกับลู่เห้าเทียนทันทีว่า : “แกฉีกปากเน่าๆของเขาได้เท่านั้น ส่วนชีวิตของเขาจะต้องเว้นไว้ให้ฉัน” เมื่อลู่เห้าเทียนได้ยินคำพูดนี้ รีบพยักหน้าพร้อมพูดว่า : “ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!” พูดแล้ว เขามองไปที่เย่เฉิน พูดกัดฟันด้วยความแค้นว่า : “เด็กน้อย!มาสิ!ดูว่าฉันจะฉีกปากแกให้ไปถึงหลังหูของแกยังไง!” เย่เฉินมองไปที่เขาอย่างดูถูก ตามด้วยมองไปที่ว่านพั่วจวิน พูดอย่างเยือกเย็นว่า : “คนแซ่ว่าน ในเมื่ออยาต่อหน้าดวงวิญญาณที่อยู่บนสวรรค์ของพ่อแม่แกกับฉัน งั้นเราสองฝั่งก็มาตั้งกฎกัน แกว่าเป็นไง ?” ว่านพั่วจวินมองไปที่เขา พูดถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : “แกอยากจะตั้งกฎอะไร?” เย่เฉินยิ้มพร้อมพูดว่า : “กฎก็ง่ายมาก อีกเดี๋ยวฉันสู้กับไอ้โง่นี่ ไม่ว่าฉันจะจัดการเขาจนเป็นแบบไหน แกและคนของแกก็ห้ามเข้ามาช่วย ยิ่งไปกว่านั้นก็ห้ามหนีด้วย! ” ว่านพั่วจวินพูดอย่างยิ้มเยาะว่า : “เย่เฉินนะเย่เฉิน แกนี่น่าสนใจจริงๆ!เห้าเทียนเป็นหนึ่งในราชันสงครามที่อยู่ภายใต้การปกครองของฉัน พละกำลังระดับนักบู๊หกดาว อาศัยความสามารถของแกแล้ว ยังคิดที่จะชนะเขาอีก ?” เมื่อเย่เฉินได้ฟังแล้ว เพียงแค่ยิ้มอย่างราบเรียบ พูดว่า : “ราชันสงคราม นักบู๊หกดาว ฟังดูแล้วทำให้คนรู้สึกกลัวเลยนะ” พูดแล้ว เย่เฉินก็ยิ้มอย่างเล่นหูเล่นตาพร้อมถามว่า : “แต่ฉันได้ยินมาว่า คนที่ชื่อเฉินจงเหล่ยคนนั้นที่เก่งที่สุด ในราชันสงครามที่อยู่ในการปกครองของแก ครั้งนี้แกมาหัวเซี่ย ทำไมถึงไม่พาเขามาด้วยกันละ?”