คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุล้วนแต่คาดคิดไม่ถึงว่า เย่เฉินเจอว่านพั่วจวินแล้ว จะไม่มีความหวาดกลัวเลยโดยสิ้นเชิง สมาชิกตระกูลเย่กว่าสามสี่คนที่ถือชุดไว้ทุกข์ แทบจะแอบด่าในใจพร้อมกัน นี่เย่เฉินก็เป็นการรนหาที่ตายชัดๆเลย ว่านพี่วจวินมาฆ่าถึงหน้าแล้ว ยังจะมากล้ามาพูดจาเสแสร้งอีก นี่แม่งหาเหาใส่หัวจริงๆ แม่งรนหาที่ตายแล้ว…… แม้แต่เย่โจงจั่วยังตกใจอย่างมาก กลัวว่าเย่เฉินจะยั่วยุให้ว่านพั่วจวินโกรธ อีกฝ่ายจะฆ่าอย่างควบคุมไม่ได้เลย งั้นก็จบเห่หมดแล้ว และว่านพั่วจวินก็ยิ่งจะโมโห เขาคิดไม่ถึงจริงๆ จู่ๆตระกูลเย่จะมีคนที่กล้ามาพูดจาแบบนี้กับตัวเอง! ดังนั้น เขาพูดถามอย่างด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า : “เด็กน้อย!แกมันหยิ่งยโสเกินไปหน่อยแล้ว ถ้าไม่รู้ว่าคำว่าตายเขียนยังไง ฉันสอนแกได้นะ!” เย่เฉินยิ้มพร้อมพูดว่า : “ไม่จำเป็น คำว่าตายฉันเขียนเป็น อีกเดี๋ยวสามารถแกะไว้บนหัวให้แกฟรีๆได้” พูดจบ เขาถามเสียงสูงว่า : “หงห้าล่ะ?” หงห้ารีบยกมือขึ้นทันที พูดเสียงสูงว่า : “อาจารย์เย่ ฉันอยู่นี่!” เย่เฉินไม่ได้หันหน้าไปมอง ยิ้มและมองไปที่ว่านพั่วจวินพร้อมกับถามหงห้าว่า : “คุณเอามีดมาแล้วยัง?” “เอามาแล้ว?”หงห้าพูดเสียงสูงว่า : “อาจารย์เย่ อีกเดี๋ยวให้ฉันแกะที่บนหัวเขาใช่ไหม?” “ถูกต้อง!”เย่เฉินพยักหน้ายิ้มพร้อมพูดว่า : “คุณก็ยังเป็นคนที่เข้าใจที่สุด!” “แน่นอนอยู่แล้ว”หงห้าพูดพร้อมยิ้มกริ่มว่า : “อาจารย์เย่ ยังไงเราก็เคยฝึกเขียนตัวอักษรเนื้อมนุษย์มาแล้ว มีประสบการณ์แล้ว! ” สีหน้าของว่านพั่วจวิน ซีดขาวแล้ว เขากำหมัดแน่น แทบอยากจะเข้าไปฆ่าเย่เฉินทันที และตอนที่เขาแทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ลู่เห้าเทียนที่อยู่ข้างๆชี้ไปที่เย่เฉิน พูดด่าอย่างเยือกเย็นว่า : “เด็กน้อย!เป็นแกอีกแล้วเหรอ!เมื่อวานถือว่าแกโอหังที่สุด !ตอนนี้จู่ๆยังกล้ามาโหวกเหวกโวยวายกับประมุขของพวกเราอีก!แกแม่งคงเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วสินะ!” พูดแล้ว เขาก็กัดฟันพูดด้วยความเกลียดชังว่า : “เมื่อวานฉันเคยพูดแล้วว่า วันนี้ถ้าหากไม่ได้เห็นแกสวมใส่ชุดหมวกขาวไว้ทุกข์ที่นี่ ฉันจะฆ่าแกทันที!ตายซะเถอะ!” ลู่เห้าเทียนเพิ่งจะพูดจบ จู่ๆก็พุ่งไปที่เย่เฉิน เข้าโจมตีเย่เฉิน แต่ว่า ในเวลานี้ ว่านพั่วจวินกลับว่าดึงเขาไว้ทันที ทำให้เขาขยับไม่ได้ ทันใดนั้น ว่านพั่วจวินก็จ้องมองไปที่เย่เฉิน พูดด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกว่า : “เด็กน้อย ฉันเห็นหน้าแกแล้วรู้สึกคุ้นหน้า แกเป็นใครในตระกูลเย่?พ่อแม่ของแกเป็นใคร?” เย่เฉินเก็บรอยยิ้ม พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า : “ฉันชื่อเย่เฉิน!พ่อของฉันคือเย่ฉางอิง!” “ฉึก……”ว่านพั่วจวินได้ยินชื่อเย่ฉางอิงสามคำนี้ ทันใดนั้นก็กัดฟันสูดลมหายใจลากยาวแล้ว! ซูเฉิงเฟิงที่อยู่ข้างๆก็ตกตะลึงจนอึ้งแล้ว! ต่อให้ฝันยังไงก็คิดไม่ถึงว่า ลูกชายที่หายตัวไปนานกว่าหลายปีขนาดนี้ของเย่ฉางอิงยังมีชีวิตอยู่ แถมยังกลับมาตระกูลเย่แล้ว! ในเวลานี้ ว่านพั่วจวินมองเย่เฉินอย่างเยาะเย้ย โพล่งพูดออกไปด้วยความดีใจและตื่นเต้นว่า : “ฉันก็ว่าทำไมแกหน้าตาคุ้นๆขนาดนี้!ที่แท้ก็หน้าคล้ายกับเย่ฉางอิงมากนี่เอง!” พูดแล้ว เขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วหัวเราะเสียงลากยาว พูดอย่างบ้าคลั่งหน่อยๆว่า : “ฮ่าๆๆ!พระเจ้าไม่เคยทำให้คนที่เพียรพยายามผิดหวังจริงๆ!ฉันคิดมาโดยตลอด เย่ฉางอิงตายมานานหลายปีขนาดนี้ ฉันจะแก้แค้นเขายังไง!วิธีการที่ดีที่สุดที่ฉันคิดได้ ก็คือขุดโลงศพของเขาออกมา ทำลายเถ้ากระดูกของเขา!แต่คิดไม่ถึงว่า จู่ๆลูกชายของเขายังมีชีวิตอยู่!” หลังจากนั้น ว่านพั่วจวินเก็บรอยยิ้ม มองไปที่เย่เฉินอย่างกับมองคนตาย พูดอย่างเยือกเย็นว่า : “วันนี้ ฉันจะตัดหัวแกออกมา ต่อหน้าหลุมฝังศพของเย่ฉางอิง!ฉันจะทำให้ดวงวิญญาณในขุมนรกสิบแปดชั้นของเขาไม่ได้รับความผาสุก ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดอีก! ” เย่เฉินโมโหจากคำพูดของเขา แต่กลับว่าไม่ลงมือจัดการทันที และพูดอย่างราบเรียบว่า : “แกจำไว้นะ คนเลวๆส่วนใหญ่ตายเพราะปากมากทั้งนั้น !” ลู่เห้าเทียนทนมองต่อไปไม่ได้แล้ว โพล่งพูดว่า : “เย่เฉินใช่ไหม แกนี่แม่งไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาจริงๆ!จัดการกับขยะอย่างแก ไม่จำเป็นต้องให้ประมุขของเราลงมือเอง ฉันฆ่าแกเอง!” ว่านพั่วจวินตะโกนด้วยเสียงที่เคร่งขรึมและเฉียบขาดว่า : “หุบปากซะ!เขาเป็นลูกของศัตรูของพ่อแม่ฉัน ฉันจะต้องฆ่าเขาด้วยมือตัวเองถึงจะบรรเทาความเกลียดชัง!” ลู่เห้าเทียนรีบพูดกล่าวว่า : “ประมุข ข้าน้อยพูดมากเกินไป ท่านได้โปรดลงโทษ!” ว่านพั่วจวินไม่สนใจเขา และมองไปยังเย่เฉิน พูดอย่างเยือกเย็นว่า : “อย่าหาว่าฉันจะไม่ให้โอกาสแกนะ เราสองคนมาแข่งต่อหน้าพ่อแม่แกและพ่อแม่ฉันสักตั้ง ดูว่าใครแข็งแกร่งกว่าใคร! ”