ตามมาด้วยตระกูลของ เย่ฉางโคง เย่ฉางหยุน ทุกคนล้วนแต่มีชุดไว้ทุกข์คนละชุดทั้งนั้น และต่างก็ถือชุดไว้ทุกข์ไว้ในอ้อมแขน รอเวลาไม่ได้การแล้ว รีบสวมใส่และยอมแพ้ทันที และตรงหน้า เย่เฉินไม่ได้พูดตอบคำพูดของว่านพั่วจวิน เพียงแค่มองว่านพั่วจวินตั้งแต่หัวจรดเท้าเท่านั้น ประเมินพละกำลังของคนๆนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอว่านพั่วจวิน ต้องพูดว่า คนๆนี้กลับว่ามีเจตนาฆ่าทั้งตัวจริงๆ แค่มองก็ดูออกว่าฝึกฝนสนามรบจริงมากว่าหลายปีแล้ว อีกอย่าง ผลการฝึกฝนของเขาแข็งแกร่งอย่างมาก เส้นลมปราณพิเศษ 8 เส้นล้วนแต่ทะลุถึงกันทั้งหมด ในขอบเขตศิลปะต่อสู้ ตราบจนถึงวันนี้ว่านพั่วจวินเป็นคนที่มีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุดที่เย่เฉินเคยเจอมา แต่ว่า ในสายตาของเย่เฉิน แม้ว่าจะเป็นนักบู๊แปดดาวอย่างว่านพั่วจวิน ก็ยังคงไร้ความสามารถเช่นเคย ไม่มีปราณทิพย์ เพียงแค่อาศัยกำลังภายใน ถึงแม้ว่าเส้นลมปราณพิเศษ 8 เส้นจะทะลุถึงกันทั้งหมด อีกอย่างทั้งหมดทะลุถึงกันได้100%แล้วจะยังไง? ยังคงหนีไม่พ้นขอบเขตของคนธรรมดาทั่วไปเช่นเคย ตามการบันทึกของ《ตำราเก้าเสวียนเทียน》 ศิลปะต่อสู้ จริงๆแล้วเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆของศิลปะการต่อสู้แบบโบราณของหัวเซี่ย ศิลปะการต่อสู้แบบโบราณของหัวเซี่ย เป็นวิธีการฝึกฝนที่ลึกซึ้งอย่างมากอย่างหนึ่ง ในนั้นรวมไว้หลายระดับ และว่านพั่วจวินก็ถือว่าเส้นลมปราณพิเศษ 8 เส้นสมบูรณ์100%ทั้งหมดแล้ว ก็เป็นเพียงขอบเขตของระดับต้นสุดของศิลปะการต่อสู้แบบโบราณ แดนสว่าง ขอเพียงแค่ทะลุทลวงแดนใหญ่ ถึงสามารถเข้าสู่แดนมืดของศิลปะการต่อสู้แบบโบราณได้ แต่หลังจากแดนมืด ยังมีแดนมิติและแดนปรมาจารย์ เพราะงั้น ว่านพั่วจวินก็แค่คนๆนั้นที่มีผลการเรียนดีที่สุดในชั้นเรียนอนุบาลก็เท่านั้นเอง แต่เมื่อขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่1หาใครก็ได้ออกมาคนหนึ่ง สามารถบดขยี้เขาได้ทุกทางเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลังจากนั้นยังมีมัธยมศึกษาตอนต้น ตอนปลายจนกระทั่งมหาวิทยาลัย ในเวลานี้ ว่านพั่วจวินพบว่าเย่เฉินกำลังมองดูตัวเองอย่างละเอียด ก็อดไม่ได้ที่จะมองดูเย่เฉินอย่างละเอียดด้วย เขาเห็นเย่เฉินเป็นแค่พวกปัญญาชนที่มีร่างกายอ่อนแอ ดูแล้วไม่มีผลการฝึกตนใดๆเลย ในใจก็อดประหลาดใจเล็กไม่ได้ : “ในเวลานี้ฉันไม่ได้แอบซ่อนเจตนาฆ่าเลยแม้แต่น้อย ต่อให้เป็นนักศิลปะต่อสู้ทั่วไปต่างก็ไม่กล้ามองตากับฉัน ไอ้หมอนี่ไม่มีผลการฝึกตน ทำไมถึงได้กล้าหาญอย่างนี้?หรือว่าจะเป็นเด็กวัยรุ่นที่ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น กล้าได้กล้าเสียงั้นเหรอ?” ทันใดนั้น เขาก็มองไปที่คนเหล่านี้ที่อยู่ข้างกายของเย่เฉิน พบว่าในนั้นมีนักบู๊อยู่ไม่น้อยเลย ยังมีคนจำนวนไม่น้อยที่เหมือนกับนักบู๊60%-70% และในขณะเดียวกันก็มี 30%-40%ที่ต่างออกไป เพราะงั้น มุมปากของเขาเผยรอยยิ้มออกมาแล้ว พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า : “ฉันว่าทำไมสมาชิกตระกูลเย่ถึงได้มีความกล้าพอขนาดนี้ ที่แท้ก็หาผู้ช่วยมานี่เอง คิดไม่ถึงว่าจะมีนักบู๊สี่ดาว แล้วก็นักบู๊ต่างชนชาติที่พละกำลังเทียบเท่ากับนักบู๊สี่ดาวสองคนอยู่ที่นี่ด้วย ถ้าหากฉันมองไม่ผิด น่าจะเป็นนินจาจากประเทศญี่ปุ่นสินะ?!” เมื่อว่านพั่วจวินพูดคำนี้ออกมา สีหน้าของเหอหงเซิ่งและอิโตะ นานาโกะต่างก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เหอหงเซิ่งคิดไม่ถึงว่า แค่อีกฝ่ายมองแวบเดียวก็มองผลการฝึกตนของตัวเองออกแล้ว! และอิโตะ นานาโกะก็ยิ่งไม่คาดคิดว่า ว่านพั่วจวินแค่ใช้สายตามองก็มองออกว่าคนที่ตัวเองพามาเป็นนินจา! อีกอย่าง ยังมองออกว่าในบรรดาพวกเขา มีท่านนินจาที่มีพละกำลังชั้นยอดสองคน เพราะเหตุนี้สามารถเห็นได้ว่า พละกำลังของว่านพั่วจวิน แข็งแกร่งกว่าพวกเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ว่า ว่านพั่วจวินคิดไม่ถึงว่า เย่เฉินในเวลานี้จะเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย พูดอย่างราบเรียบว่า : “ขอโทษนะ แกเดาผิดแล้ว จัดการขยะที่ไร้ความสามารถอย่างแก ไม่จำเป็นต้องเชิญคนมาช่วยซะด้วยซ้ำ พวกเขาเป็นผู้ชมที่ฉันเชิญมา เพื่อให้รอดูว่าแกจะถูกทารุณอย่างไร!