เย่เฉินบอกว่าสายเกินไปแล้ว ทำให้พญาเสือดาวหน้าดำตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ! เขาแทบจะถอยหลังไปสองสามก้าวโดยที่ไม่รู้ จากนั้นก็หันหลังกลับ พยายามสุดชีวิตเพื่อวิ่งลงไปจากภูเขา เขาเพิ่งเห็นวิธีการที่เย่เฉินใช้ตอนที่เขาฆ่าพญาราชสีห์ทองคำ หินกรวดก้อนหนึ่ง สามารถฆ่านักบู๊หกดาวได้ ถ้าตัวเองไม่หนีอีก เกรงว่าจะต้องล้มเหลวพลาดซ้ำแบบพญาราชสีห์ทองคำ แต่ว่า เขาเพิ่งจะหันหลังไป ยังวิ่งไม่ถึงสองก้าว รู้สึกปวดที่ศีรษะด้านหลัง ทันใดนั้นทั้งตัวก็หมดสติลง พญาเสือดาวหน้าดำตายอย่างง่ายดาย แทบจะเป็นการตายแบบสายฟ้าฟาด ดังนั้นไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไร แต่ว่า ในสายตาทหารคนอื่นของสำนักว่านหลง สภาพการตายของพญาเสือดาวหน้าดำ มันน่าอนาถเกินไป! เย่เฉินใช้ก้อนหิน โจมตีเข้าที่หัวของเขา ที่น่าอนาถยิ่งกว่าคือ หินกรวดพุ่งทะลุศีรษะของเขา ระเบิดจากใบหน้าของเขา และรูเลือดขนาดเท่ากำปั้นก็ระเบิดตรงกลางใบหน้าของเขาทั้งหมด! จมูกของเขาหายไป และลูกตาของเขาถูกบีบออกจากเบ้าด้วยพลังของก้อนหิน! ในเวลานี้ ทุกคนในสำนักว่านหลงต่างถูกเย่เฉินทำให้ตกตะลึง! ราชันสงครามของสำนักว่านหลง เดิมทีตายในตะวันออกกลางหนึ่งคน ตอนนี้ใช้งานไม่ได้หนึ่งคน ตายไปแล้วสองคน! ณ จุดนี้ ราชันสงครามของสำนักว่านหลง ได้ล่มสลายไปหมดแล้ว ท่ามกลางผู้คนที่เหลือ ยกเว้นว่านพั่วจวิน ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นไม่มีอะไรนอกจากนักบู๊ห้าดาว จะเป็นคู่ปรับกับเย่เฉินได้อย่างไร? ในตอนนี้เย่เฉินมองไปที่ทหารที่ตื่นตระหนกของสำนักว่านหลง พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า: “พวกแกแต่ละคนก็ลำบากมาหลายปีแล้ว ถึงจะมีผลการฝึกฝนอย่างเช่นทุกวันนี้ ถ้าหากไม่อยากให้ความทุ่มเทหลายปีมันทลายลง ให้ถอยลงไปให้หมด!” เย่เฉินพูดจบ เกือบร้อยคนถอยกลับแทบไม่ลังเล หนึ่งในนั้นที่ไม่ขยับ คือว่านพั่วจวิน ว่านพั่วจวินไม่คาดคิดว่า สำนักว่านหลงที่ตัวเองสร้างมากับมือ แก่นสำคัญที่สร้างมากับมือ จู่ๆก็แตกสลายไปแบบนี้ ในตอนนี้ เย่เฉินมองไปที่ทหารสำนักว่านหลงแปดนายที่ถือโลงศพ พูดอย่างเย็นชาว่า: “พวกแกทั้งหมด วางโลงศพลง และถอยไป!” ทั้ง 8 คนได้ยินดังนั้น ก็รีบวางโลงศพของพ่อแม่ว่านพั่วจวินลงบนพื้นทันที และถอยหลังไปอย่างเชื่อฟัง กองหน้าของสำนักว่านหลง เหลือเพียงแค่ว่านพั่วจวินเท่านั้น เย่เฉินเงยหน้ามอง มองว่านพั่วจวิน ถามเขาว่า: “วันนี้ตอนที่แกตีฆ้องตีกลองขึ้นมาบนภูเขาเย่หลิงซาน เคยคิดไหมว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้?” ว่านพั่วจวินห่อเหี่ยวอย่างมาก ฝืนยิ้มด้วยความเจ็บปวด: “ความสามารถไม่เท่าคนอื่น ไม่มีอะไรต้องพูดกัน” เย่เฉินยิ้ม: “แกอาจจะไม่รู้ ที่จริงแล้วฉันรอแกมานานมากละ” ว่านพั่วจวินเงยหน้าขึ้นมองเย่เฉินและถามด้วยความสงสัยว่า: “แกพูดแบบนี้หมายความว่าไง?” เย่เฉินยิ้ม พูด: “ฉันให้คนพาสองคนมาที่เย่นจิงเมื่อคืนก่อน 2 คนนี้ แกก็รู้จัก ต่อไป ก็จะให้แกได้เจอทีละคนนะ” ว่านพั่วจวินไม่รู้ว่าเย่เฉินหมายถึงอะไรในคำพูดเหล่านี้ เย่เฉินหันหน้าไปที่เหอหงเซิ่ง พูดว่า: “ท่านเหอ หมอนั่นที่คุกเข่าที่หลุมศพพ่อแม่ของฉัน พามาได้แล้ว” “รับทราบ!” เหอหงเซิ่งรู้ว่าเย่อเฉินหมายถึงคนที่หนุ่มหน่อยๆ ก็คือเฉินจงเหล่ยที่เย่เฉินพามาจากตะวันออกกลาง ครั้นแล้ว เขาไปหน้าดวงวิญญาณพ่อแม่ของเย่เฉินด้วยตัวเอง ลากตัวเฉินจงเหล่ยที่คุมผ้าสีดำไปที่ข้างๆเย่เฉิน พูดด้วยความเคารพว่า: “คุณเย่ พาคนมาแล้วครับ” เย่เฉินพยักหน้า มองไปที่ว่านพั่วจวิน ยิ้มและถามเขาว่า: “ประมุขว่าน รู้ไหมว่านี่คือใคร?” ว่านพั่วจวินตะลึง เขาจะไปรู้ได้ยังไง ว่าคนที่คลุมผ้าสีดำบนหัวคือใคร? เขาไม่ได้มีตาทิพย์สักหน่อย ยิ่งไปกว่านั้น จิตสำนึกของเฉินจงเหล่ย ถูกเย่เฉินปิดผนึก ว่านพั่วจวินไม่สามารถรับรู้ถึงความสามารถในการฝึกฝนเลย