พูดถึงนี้ เย่เฉินนิ่งไปสักพัก แล้วพูดต่อว่า “หากพ่อของนายเพียงแค่ความสามารถไม่ได้ก็ว่าไปอย่าง อย่างมากก็แค่พยายามใหม่อีกครั้ง แล้วลุกขึ้นสู้ใหม่ แต่เขากลับไม่มีแม้แต่กำลังทางจิตใจที่จะแบกรับ แล้วหนีขึ้นไปบนดาดฟ้าเพื่อกระโดดลงมา นี่ยังจะมาโทษถึงพ่อฉันได้ด้วยหรอ?” “แล้วยังมีแม่ของนาย!พ่อนายฆ่าตัวตายก็ว่าไปอย่างแล้ว แต่เธอกลับทิ้งนายไว้ แล้วกินยาพิษเอง แล้วนี่มันเกี่ยวกับพ่อของฉัน?” ว่านพั่วจวินไม่พอใจ พูดอย่างโมโหว่า “ทุกอย่างนี้ล้วนเป็นแผนร้ายของพ่อนาย!” เย่เฉินจ้องเขา ถามอย่างเย็นชาว่า “ตามที่นายพูด นายในวันนี้เหมือนกับพ่อนายในตอนนั้นที่คิดไปเอง มองเห็นเพียงแต่ผลประโยชน์ กำลังก็ไม่มี ความสามารถก็มีขีดจำกัดแล้วยังไม่สำนึกตน!แล้วแม่งยังกล้ามาถึงภูเขาเย่หลิงซาน แล้วยังมาคุยโวว่าจะทำลายหลุมศพของพ่อแม่ฉัน!ปรากฏว่าตอนนี้ดันถูกฉันทำร้ายกลับ!ทั้งหมดนี้ ก็กลายมาเป็นแผนร้ายของฉันเย่เฉินคนนี้งั้นหรอ?” สีหน้าของว่านพั่วจวินนิ่งอึ้งไปทันที คำพูดของเย่เฉิน ทิ่มแทงจิตใจของเขา ทำให้เขาไม่สามารถโต้เถียงได้! เย่เฉินมองเขา พูดอย่างเย็นชาว่า “ว่านพั่วจวิน!นายในวันนี้ เหมือนกับพ่อนายในตอนนั้น!หาเรื่องใส่ตัวทั้งนั้น!แม้จะตายเป็นหมื่นครั้ง ก็เป็นการที่หาเรื่องใส่ตัวเองทั้งนั้น!!!” ว่านพั่วจวินในตอนนี้นั้นน้ำตานองหน้าไปหมดแล้ว เขารู้ เย่เฉินพูดถูก ตัวเองในตอนนี้ เหมือนกับพ่อในตอนนั้น ล้วนเป็นการไปหาเรื่องคนหนึ่งที่ตัวเองสู้ไม่ได้ จากนั้นก็พบกับความพ่ายแพ้ ส่วนความแค้นของพ่อแม่ที่ว่า ก็ล้วนเป็นการที่ตัวเองรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมต่อพ่อแม่ แล้วเป็นความแค้นอันมืดบอดที่เก็บกดไว้ในใจมานานหลายปีก็เท่านั้น ในตอนที่ความเชื่อในจิตใจกำลังจะแตกสลาย เย่เฉินชี้ซูโสว่เต้าที่อยู่ข้างกาย พูดเสียงเย็นชาว่า “มา ให้นายได้พบเจอกับผู้มีพระคุณตระกูลว่านของพวกนายในตอนนั้นซะหน่อย!” พูดจบ เย่เฉินก็ดึงผ้าคลุมสีดำที่อยู่บนหัวของซูโสว่เต้าออก วินาทีนี้ ว่านพั่วจวินรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า! เขาต้องรู้จักซูโสว่เต้าอยู่แล้ว แม้ว่าจะผ่านไปนานหลายปีขนาดนี้แล้ว แต่ซูโสว่เต้าที่เป็นผู้บรรลุนิติภาวะคนหนึ่ง หน้าตาไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงไปมากนัก เพียงแค่ดูมีอายุมากขึ้นกว่าตอนนั้น เพราะงั้นว่านพั่วจวินจึงจำเขาได้ในทันที เขาพูดออกมาว่า “ลุง….ลุงซู?!” คุณท่านใหญ่ของตระกูลซู ซูเฉิงเฟิง ในเวลานี้ก็มึนงงมาก ลูกชายคนโตหายไปนานขนาดนี้ไม่มีข่าวสารอะไรสักนิด ไม่คิดเลยว่าจะมาอยู่ในมือของเย่เฉิน! ซูโสว่เต้าที่เห็นพ่อของตัวเองและว่านพั่วจวินในเวลานี้เองก็เบิกตาโต อยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ในปากยังมีผ้าอุดไว้ เพราะงั้นจึงพูดไม่ออกสักคำ เย่เฉินดึงผ้าในปากของเขาออก ซูโสว่เต้ารีบพูดกับว่านพั่วจวินว่า “พั่วจวิน นายบ้าไปแล้วหรอ!” ว่านพั่วจวินในตอนนี้น้ำตานองหน้าไปหมด พูดสะอื้นว่า “ลุงซูครับ คุณจริงๆด้วย….หลายปีมานี้ พั่วจวินไม่เคยลืมพระคุณที่คุณมีต่อตระกูลว่าน แต่หลายปีมานี้เนื่องจากเหตุผลหลายอย่าง จึงไม่ได้มีการติดต่อกับคุณ ขอคุณอภัยให้ด้วยครับ….” ซูโสว่เต้าเองก็ตาแดงก่ำ พูดสะอื้นว่า “นี่มันเวลาไหนแล้วยังจะมาพูดเรื่องพวกนี้….” ในเวลานี้เย่เฉินเอ่ยปากพูดกับซูโสว่เต้าว่า “คุณซู ในตอนนั้นว่านเหลียนเฉิงเป็นคนของคุณ เรื่องของพันธมิตรต่อต้านตระกูลเย่ไม่มีใครรู้ดีกว่าคุณ เพราะงั้นคุณพูดออกมาต่อหน้าของว่านพั่วจวิน ว่าเรื่องในตอนนั้นมันเป็นมายังไงกันแน่ รวมทั้งเรื่องทั้งหมดนี้มันเป็นความผิดของใคร” พูดอยู่ แล้วเย่เฉินก็พูดสั่งอีกคำว่า “คุณต้องพูดตามจริงด้วยความที่เป็นรูปธรรม!ห้ามจงใจเอนเอียงมาทางผมเด็ดขาด และยิ่งห้ามจงใจหลีกเลี่ยงความผิดของตัวเอง เพียงแค่คุณพูดตามข้อเท็จจริงรูปธรรม คุณพูดอะไรผมล้วนไม่ถือสา!แต่หากคุณกล้าพูดโกหกแม้แต่นิดเดียว ผมก็จะฆ่าคุณด้วยมือตัวเองต่อหน้าสุสานของพ่อแม่ผม!”