ในเวลานี้ ซูโสว่เต้าถอนหายใจยาวหนึ่งที พูดกับว่านพั่วจวินอย่างจริงจังมากว่า “พั่วจวิน….เมื่อกี้เย่เฉินพูดถูก….การตายของพ่อแม่นาย ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ของเขาจริงๆ….” ว่านพั่วจวินถามด้วยน้ำตานองหน้าว่า “ลุงซูครับ ในตอนนั้นพ่อผมไปมีปัญหากับเย่ฉางอิงก็เพื่อปกป้องคุณ ในวันนี้โลงศพของเขาและแม่ของผมก็อยู่ที่นี่ คุณพูดอย่างนี้ ไม่กลัวว่าพวกเขาจะรู้สึกแย่หรอครับ?” ซูโสว่เต้าพูดอย่างจนใจ “ถึงแม้วันนี้ฉันจะตายไป แล้วไปเจอกับพ่อแม่นายในที่แห่งนั้น ฉันก็ยังจะพูดอย่างนี้” พูดมาถึงนี่ ซูโสว่เต้านิ่งไปสักพัก แล้วพูดต่อไปว่า “พันธมิตรต่อต้านตระกูลเย่ในตอนนั้น เดิมทีก็เป็นการมีอยู่ที่ไม่ถูกต้องอยู่แล้ว เย่ฉางอิงนั้นเป็นคนดีมาเสมอ อีกอย่างคนๆนี้ไม่เพียงแต่เป็นคนดีเท่านั้น ความสามารถยังเก่งมากด้วย จึงทำให้ตระกูลมากมายของพวกเราอยู่ภายใต้เงาของเขามานาน…” “ดังนั้น พวกเราที่เทียบเขาไม่ได้ ถึงได้ก่อตั้งพันธมิตรต่อต้านตระกูลเย่ เพื่อควบคุมเขา เพราะงั้นพูดจากจุดนี้แล้ว พวกเราจึงมีความผิดอยู่ก่อน….” “อีกอย่าง ตอนนั้นพ่อของนายเอาใจใส่ต่อพันธมิตรต่อต้านตระกูลเย่เป็นอย่างมากเพื่อเอาใจฉัน มักอยากจะหาโอกาสทำร้ายเย่ฉางอิงเพื่อใช้มาเป็นการพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง….” “บังเอิญ ในปีนั้นๆการค้าต่างประเทศ รวมทั้งตลาดซื้อขายสินค้าล่วงหน้าต่างประเทศนั้นรุ่งมาก อาหาร น้ำมันรวมทั้งโลหะมีค่าต่างๆล้วนมีความโกลาหลอย่างมาก มีคนมากมายรวยเพียงข้ามคืน และก็มีคนมากมายล้มละลายเช่นกัน พ่อของนายคิดไปเองว่าตัวเองรู้สถานการณ์ระหว่างประเทศ เพราะงั้นเขาจึงลงทุนสู่ตลาดซื้อขายสินค้าล่วงหน้า เตรียมการโจมตีเย่ฉางอิง แต่ผลปรากฏว่าไม่ใช่คู่แข่งของเย่ฉางอิง….” “ในตอนที่พ่อของนายขาดทุนถึงแปดสิบเปอร์เซ็นต์ เย่ฉางอิงยังเคยโทรหาเขา แนะนำให้เขาหยุด แต่พ่อของนายในตอนนั้นกลับคิดว่าเย่ฉางอิงจงใจบีบบังคับให้เขายอมเสียทุนและหยุดลง เพราะงั้นเพื่อที่จะเอาชนะ เขาถึงขั้นกู้ยืมดอกเบี้ยสูงจากข้างนอกรวบรวมเงินทุนมากมาย เพื่ออยากจะสู้กับเย่ฉางอิงให้รู้เป็นรู้ตาย….” “ผลสุดท้ายคือพ่อของนายพ่ายแพ้สูญเสียทรัพย์สินทั้งหมด ขณะเดียวกันก็เป็นหนี้ภายนอกอยู่หลายพันล้าน เขาไม่สามารถทนรับความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่นี้ได้ ดังนั้นจึงเลือกฆ่าตัวตาย….” พูดถึงนี่ ซูโสว่เต้าถอนหายใจเบาๆทีหนึ่ง แล้วพูดว่า “ส่วนแม่ของนาย….ที่เธอเลือกกินยาพิษฆ่าตัวตายหลังจากที่พ่อนายจากไปได้เจ็ดวัน เป็นเพราะว่าในตอนนั้นพวกทวงหนี้บีบบังคับให้แม่นายคืนเงิน ได้ไล่ตามแม่นายมาจนถึงสุสานของพ่อนาย หนี้หลายพันล้าน พูดตามจริงฉันเองก็ทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายแม่นายหมดหนทางแล้ว จึงได้เลือกฆ่าตัวตาย….” ซูโสว่เต้านิ่งไปสักพัก มองว่านพั่วจวิน ถอนหายใจอย่างจนใจพูดว่า “พั่วจวิน ฉันในฐานะผู้เป็นพยาน สามารถพูดอย่างยุติธรรมได้ว่า การตายของพ่อแม่นาย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเย่ฉางอิงเลยสักนิดจริงๆ!จะโทษก็โทษได้เพียงแค่พ่อของนายน้ันโลภมาก แม้แต่ฉันยังไม่ใช่คู่แข่งของเย่ฉางอิง แต่เขากลับตัดสินผิดพลาด คิดว่าตัวเองสามารถเอาชนะเย่ฉางอิงได้ พูดขึ้นแล้ว เขาในตอนนั้น ก็เหมือนกับนายในวันนี้ที่คิดว่าจะสามารถเอาชนะเย่เฉินได้….” พูดถึงนี่ สีหน้าของซูโสว่เต้านั้นดูเจ็บปวดอย่างมากว่า “พั่วจวิน นายสามารถอยู่ที่ต่างประเทศและได้เป็นถึงประมุขของสำนักว่านหลงได้นั้นถือว่าเก่งมากแล้ว ทำไมถึงไม่อยู่ที่ต่างประเทศดีๆ แล้วขยายกิจการของนายต่อไป? ทำไมจะต้องถูกความแค้นที่ว่ามาบดบัง แล้วกลับมายังประเทศเพื่อต่อกรกับตระกูลเย่ต่อไป ถ้าหากนายไม่กลับมา แล้วจะพบเจอกับปัญหาอย่างตอนนี้ได้ยังไงกัน….” ว่านพั่วจวินตอนนี้ได้สติแตกไปแล้ว เขาล้มคุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้ออกมา “ยี่สิบปีมานี้…ทุกๆวันผมล้วนพยายามอย่างหนัก สิ่งที่เป็นแรงผลักดันของผม ก็คือการได้กลับมาแก้แค้นให้กับพ่อแม่ของผม….” “แต่ใครจะคิด ว่าพ่อของผมในตอนนั้นถูกเย่ฉางอิงล้ม แล้วผมในวันนี้ก็ยังถูกลูกชายของเย่ฉางอิงล้มอีก….” “ที่ยิ่งน่าขันกว่าก็คือ ตามที่ลุงซูพูดเมื่อกี้ เย่ฉางอิงไม่เพียงแต่ไม่ใช่ศัตรูที่ฆ่าพ่อของผม แล้วยังเคยลองแนะนำให้พ่อของผมสำนึกคิด แต่เป็นพ่อผมที่ไม่ประมาณตน ทุ่มเสี่ยงทั้งหมด สุดท้ายก็สูญเสียทุกอย่าง แล้วยังถึงขั้นลากแม่ของผมเข้าไปเกี่ยวทางอ้อมจนถึงตายอีกด้วย…..