พูดถึงนี่ ว่านพั่วจวินสองมือยึดอยู่กับพื้น น้ำตาน้ำมูกไหลริน พูดอย่างสิ้นหวังว่า “ผมไม่เข้าใจ!ผมไม่เข้าใจจริงๆ!ยี่สิบปีมานี้ผมพยายามต่อสู้อยู่ต่างประเทศ….มันเพื่ออะไรกันแน่….” “ยี่สิบปีมานี้ผมไม่กล้ากลับประเทศ ไม่กล้ามาสักการะที่สุสานของพ่อแม่ผม ทุกๆวันไหว้บรรพบุรุษหรือวันครบรอบการเสียชีวิตของพวกเขา ผมทำได้เพียงแค่เผากระดาษเงินอยู่ที่ต่างประเทศ ร้องไห้อย่างหนักเพื่อเป็นการสักการะ….” “ที่ผมไม่กล้ากลับมาประเทศนานขนาดนี้ ก็เพื่ออยากจะรอให้ตัวเองมีกำลังที่จะเอาชนะ เพื่อมาแก้แค้นให้กับพวกเขา….” “แต่ตอนนี้ ทุกอย่างกลับกลายเป็นอย่างนี้….” ว่านพั่วจวินพูดถึงนี่ ก็เงยหน้าขึ้น ใช้สายตาที่แดงก่ำรวมทั้งแววตาที่หมดหวังมองซูโสว่เต้า ร้องไห้อย่างสติแตก “ผมไม่เข้าใจ…ผมไม่เข้าใจจริงๆครับลุงซู….ความรู้สึกนี้ เหมือนกับว่ายี่สิบปีนี้ของผมนั้นมันไร้ประโยชน์….” ซูโสว่เต้าในใจเศร้าโศก และก็อดร้องไห้น้ำตานองหน้าไม่ได้ เขาสามารถเข้าใจได้ถึงความเจ็บปวดซ้ำซ้อนของว่านพั่วจวินได้ ความแค้นในตอนนั้น ความพ่ายแพ้ในวันนี้ รวมทั้งความเข้าใจผิด ล้วนกำลังทรมานว่านพั่วจวินอย่างบ้าคลั่ง ทำให้เขารู้สึกตายทั้งเป็น ฉะนั้น ซูโสว่เต้าจึงเอ่ยปากปลอบใจ “พั่วจวิน…เปิดใจหน่อย การตายของพ่อแม่นาย เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ส่วนความพยายามยี่สิบปีมานี้ของนายก็ไม่ได้เสียเปล่า ชื่อเสียงของสำนักว่านหลงฉันเองก็เคยได้ยิน นายทำได้ดีมากแล้ว เพียงแค่นายสามารถลบล้างความเข้าใจผิดกับคุณเย่และตระกูลเย่ออกได้ แล้วได้รับการให้อภัยจากคุณเย่ อนาคตของนาย ก็ไม่สามารถจำกัดได้!” พูดแล้วซูโสว่เต้าก็มองไปทางเย่เฉิน พูดวิงวอนว่า “คุณเย่ครับ ได้โปรดเห็นแก่ความกตัญญูกตเวทีของพั่วจวิน เห็นแก่ความยากลำบากยี่สิบปีมานี้ที่เขาได้รับ ให้อภัยเขาสักครั้งเถอะครับ!” เย่เฉินยิ้มเยาะ “ถ้าหากว่าเขาเพียงแค่มาขอความยุติธรรมจากพ่อแม่ผม งั้นหลังจากที่อธิบายกันรู้เรื่องแล้ว เขาสามารถมีเหตุผลมีสติ ยอมรับผิดต่อพ่อแม่ผม ผมเองก็สามารถปล่อยเขาไปได้” พูดถึงนี่ น้ำเสียงการพูดของเย่เฉินก็เปลี่ยนไป พูดด้วยน้ำเสียงน่ากลัวเย็นชา “แต่ว่า! เขาคิดไปเองว่าเขาเป็นประมุขของสำนักว่านหลง คิดว่าความสำเร็จของตัวเองไม่ธรรมดา อำนาจไร้เทียมทาน แล้วพูดออกมาว่าจะนำกระดูกของพ่อแม่ผมไปเผาและสาดทิ้ง!เรื่องนี้ ผมไม่สามารถให้อภัยได้!จะโทษ ก็โทษได้เพียงแค่ตัวเองอวดดีเกินไป!” ว่านพั่วจวินได้ยินคำนี้ ก็รีบถามว่า “คุณเย่ เรื่องนี้ คุณต้องการจะทำยังไงถึงจะพอใจ?” เย่เฉินพูดนิ่งๆว่า “ฉันบอกแล้ว!ฉันจะใช้วิธีที่คนอื่นต้องการจะทำกับฉัน ทำคืนให้กับคนๆนั้น!พอดีเลยที่เขานำเอาโลงศพของพ่อแม่มาด้วยตัวเอง สิ่งนี้เขาเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง!” พูดแล้ว เย่เฉินก็จ้องมองว่านพั่วจวินด้วยสายตาน่ากลัว พูดอย่างชัดเจนว่า “อีกอย่างตอนนี้ฉันสามารถพูดออกมาอย่างนี้ได้ ไม่ว่าฉันเย่เฉินคนนี้จะทำอะไร นายว่านพั่วจวินก็ขวางฉันไม่ได้!ถ้าหากว่านายไม่พอใจ สามารถต่อกรกับฉันดูก่อนได้!ถ้าหากว่านายแพ้ ฉันก็จะไม่ฆ่านาย แต่ฉันจะทำให้นายพิการ ให้นายเห็นด้วยตาตัวเองว่าพ่อแม่ของนายโดนอย่างที่นายพูดออกมาก่อนหน้านี้ ที่ถูกคนอื่นนำเอากระดูกออกมาเผาทิ้งยังไง!” ว่านพั่วจวินตกใจสะดุ้งตัวสั่น หันหลังไปมองโลงศพของพ่อแม่ตัวเอง จากนั้นก็มองเย่เฉิน ในใจนั้นมืดมนไปหมด จากนั้นสักพัก จู่ๆเขาก็สองมือกำหมัดแน่น เรียกกำลังทั้งหมดในร่างกายออกมา ในตอนที่คนอื่นๆคิดว่า เขาจะพุ่งไปต่อสู้กับเย่เฉิน แต่ว่านพั่วจวินกลับออกแรงตัดเส้นลมปราณทั้งแปดของตัวเองทิ้ง! ตามมาด้วย ว่านพั่วจวินสำลักพ่นเลือดออกมา มองดูเย่เฉิน พูดอย่างอ่อนแรงว่า “คุณเย่ ผมได้ทำการตัดเส้นลมปราณทั้งหมดเองแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไป เป็นได้แค่เพียงคนพิการที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว ได้โปรดขอให้คุณเมตตา ปล่อยพ่อแม่ของผมไปเถอะครับ!