เย่เฉินคิ้วขมวดเล็กน้อย จากนั้นก็มองไปยังเหอหงเซิ่ง เอ่ยปากถามว่า “ท่านเหอครับ วันนี้ออกมา ได้พกมีดมามั้ยครับ?” เหอหงเซิ่งพูดอย่างเคารพนับถือว่า “ตอบกลับคุณเย่ พกมาครับ!” พูดจบ ก็ชักเอามีดสั้นที่คมเป็นอย่างมากออกมาจากข้างเอว สองมือยื่นไปตรงหน้าของเย่เฉิน เย่เฉินรับมีดสั้นเล่มนั้นมา จากนั้นก็โยนไปที่ตรงหน้าของว่านพั่วจวิน พูดอย่างนิ่งเฉยว่า “เห็นแก่ที่นายเป็นลูกกตัญญู ฉันตอบตกลงนาย!หลังจากนายตาย ฉันเองก็จะไม่เอาศพของนาย หรือของพ่อแม่นายนำเอากระดูกไปเผาทิ้งหรือเอาศพไปทิ้งป่า กลับกัน ฉันจะใช้ความมีคุณธรรม นำศพของนายกับพ่อแม่นายฝังไว้ด้วยกัน นายไปสู่สุคติเถอะ!” ว่านพั่วจวินได้ยินคำพูดนี้ ในที่สุดใบหน้าก็มีรอยยิ้มผ่อนคลายปรากฏขึ้น และในขณะเดียวกันกับที่เขามองไปทางเย่เฉิน สีหน้าก็เต็มไปด้วยความขอบคุณ จากนั้น เขาก็โค้งตัวลงอีกครั้ง คำนับให้กับเย่เฉิน ครั้งนี้ เขาโค้งตัวอยู่นานถึงได้เอนตัวขึ้นมา พูดด้วยความรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากว่า “ขอบคุณความมีเมตตาและคุณธรรมของคุณเย่ครับ บุญคคุณครั้งนี้ของคุณเย่ ชาตินี้ของว่านพั่วจวินไม่สามารถทดแทนให้ได้ ชาติหน้ายินดีที่จะเป็นขี้ข้าให้ เพื่อเป็นการทดแทนบุญคุณของคุณเย่ครับ!” พูดจบ เขาก็ยื่นมือไปหยิบมีดสั้นเล่มนั้นมาไว้ในมือ ในขณะที่เขากำลังจะใช้ปลายมีดแทงเข้าที่หัวใจของตัวเอง ในตอนที่ตัดสินใจออกแรงแทงเข้าไป พลทหารทั้งหมดของสำนักว่านหลงต่างก็แทบจะสติแตกกันไปหมด คนมากมายต่างก็ร้องไห้ตะโกนว่า “ท่านประมุข!ไม่นะครับประมุข!” ว่านพั่วจวินหันหลังไป มองดูลูกน้องที่ซื่อสัตย์ของตัวเอง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่น้องทั้งหลาย วันนี้ฉันว่านพั่วจวินคนนี้ทำให้ทุกท่านลำบาก ขอให้ทุกท่านอภัยให้ด้วย!” “อีกอย่าง พวกนายจำไว้ หลังจากฉันตายไป สำนักว่านหลงแยกย้ายโดยอัตโนมัติ ทุกคนห้ามเป็นศัตรูต่อคุณเย่ หรือต่อตระกูลเย่เด็ดขาด ถ้าหากว่าพวกนายยังทำอาชีพเกี่ยวกับทหาร ชีวิตนี้ห้ามเข้าหัวเซี่ยอีก ห้ามมารบกวนความสงบของหัวเซี่ย พวกนายสามารถจำได้มั้ย?” เมื่อทุกคนได้ยินอย่างนี้ ก็ร้องไห้กันไปหมด พวกเขารู้ ว่าว่านพั่วจวินเตรียมใจตายแล้ว คำสั่งที่มอบหมายในครั้งนี้ คือคำบอกลาครั้งสุดท้าย! มีคนพูดสะอื้นว่า “ประมุขครับ…อย่างอื่นพวกผมล้วนตอบตกลงได้ แต่ทำไมคุณถึงไม่ให้พวกเราเข้ามาที่หัวเซี่ยอีกละครับ? หากพวกเราไม่สามารถเข้าหัวเซี่ยอีก พวกผมก็จะไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้ไหว้สุสานคุณเลยนะครับ!” ว่านพั่วจวินยิ้มอ่อน พูดว่า “พี่น้องทั้งหลายมีความคิดนี้ก็พอแล้ว ไหว้สุสานหรือไม่ มันไม่จำเป็นแล้วละ” พูดแล้ว ว่านพั่วจวินก็พูดอีกว่า “ตระกูลว่านของฉันก็ไม่มีลูกหลานอะไรมีเพียงพวกเราสามคน ยี่สิบปีมานี้ ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศคนเดียว พ่อแม่อยู่ที่ฝั่งนั้นคงจะรู้สึกเหงา วันนี้คุณเย่ให้ความเมตตา ให้พวกเราทั้งสามคนได้ไปเจอกันอีกครั้ง ฉันเองก็จะได้ไปอยู่กับพ่อแม่สักที แล้วชดเชยให้กับยี่สิบปีมานี้ ดังนั้น พวกนายก็ไม่ต้องวิ่งไกลมาหาฉันหรอก” ว่านพั่วจวินพูดถึงนี่ พลทหารเกือบร้อยของสำนักว่านหลงต่างก็ร้องไห้กันไปหมด ทหารชั้นยอดพวกนี้ที่ปกติฆ่าคนได้โดยกะพริบตา ตอนนี้ต่างก็อ่อนแอกันเหมือนกับเด็กน้อย พวกเขารู้ ในวันนี้สำนักว่านหลงนั้นไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้ว จุดจบถูกกำหนดไว้แล้ว ว่านพั่วจวินต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ว่านพั่วจวินถึงขั้นมองว่าคำสั่งที่เบ่เฉินให้เขาฆ่าตัวตาย เป็นบุญคุณครั้งใหญ่ มากพอที่จะเห็นได้ชัดแล้วว่าครั้งนี้สำนักว่านหลงพ่ายแพ้ขนาดไหน ตอนนี้ ไม่มีใครสามารถช่วยชีวิตของว่านพั่วจวินได้แล้ว เพราะว่าชีวิตของทุกคนล้วนอยู่ในกำมือของเย่เฉิน ส่วนเย่เฉิน ดูแล้วก็ไม่ได้เตรียมจะไว้ชีวิตว่านพั่วจวิน ในเวลานี้ว่านพั่วจวินยิ้มเล็กน้อย พูดกับทุกคนว่า “ทุกท่าน บนโลกนี้ พบแล้วก็จาก จากแล้วก็พบ ทุกท่านสู้รบกับฉันมานานหลายปี ลำบากกันแล้ว!วันนี้พรหมลิขิตของฉันกับทุกท่านมีถึงเพียงเท่านี้ จากลากันเท่านี้ละกัน!” พูดจบ ว่านพั่วจวินยกมีดสั้นขึ้น เล็งตรงกับหัวใจของตัวเอง แล้วก็แทงเข้าไปอย่างแรง!