เมื่อได้ยินว่าเย่เฉินยอมปล่อยตัวเองสักครั้ง อารมณ์ของว่านพั่วจวิน ตื่นเต้นจนแทบจะบ้าคลั่ง แต่เขาก็ยังอดทนต่อความใจร้อนที่อยากจะร้องไห้ แล้วตะโกนอย่างไม่ลังเลว่า “คุณเย่ครับ กระผมยินดีครับ!” พลทหารทั้งหมดของสำนักว่านหลงได้สติขึ้นมา ก็ตื่นเต้นอย่างมากตะโกนว่า “พวกผมก็ยินดีครับ!” วินาทีนั้น เสียงตอบรับ ดังก้องไปทั่ว! คนอื่นๆเหตุการณ์ต่างก็อึ้งกันไปหมด! ใครก็ไม่คาดคิด ว่าเย่เฉินจะไว้ชีวิตว่านพั่วจวิน ขณะเดียวกันก็รับทั้งสำนักว่านหลงมาเป็นลูกน้อง! คนมากมายยิ่งไม่เข้าใจ ทั้งๆก่อนที่ว่านพั่วจวินยังไม่ตัดเส้นลมปราณตัวเอง ก็ยินดีจะเชื่อฟังเย่เฉินเพื่อแลกกับการให้อภัย แต่ทำไมเย่เฉินถึงรอให้เขาตัดเส้นลมปราณ เตรียมฆ่าตัวตายแล้วถึงยอม อีกอย่าง ก่อนที่จะยอม ก็ยังต่อว่าการที่ว่านพั่วจวินเตรียมฆ่าตัวตายจนไม่เหลือชิ้นดี ที่จริงแล้ว ที่เย่เฉินเล่นก็คือสงครามประสาท ขณะถ้วยเดียวกัน ให้ในเวลาที่อีกฝ่ายหิว กับให้เวลาที่อีกฝ่ายกำลังจะหิวตาย ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน อีกอย่าง ที่เย่เฉินต่อว่าการติดใจที่เขาจะตาย ก็เพื่อทำลายความเชื่อมั่นและศักดิ์ศรีสุดท้ายของเขาทิ้ง เพราะว่า ในวินาทีที่ตัดสินใจจะฆ่าตัวตาย ในใจของว่านพั่วจวินคือการปลดปล่อยหลุดพ้น ถึงขั้นที่เบื้องลึกหัวใจของเขา จะต้องยังมีความรู้สึกเจ็บปวดอยู่แน่นอน ถ้าหากไม่ทำลายความเจ็บปวดนี้ของเขาทิ้งจนหมด งั้นอนาคตเขาก็จะยังใช้การตายถือเป็นความรุ่งโรจน์อย่างหนึ่ง บางด้านของว่านพั่วจวิน คล้ายกับซามูไรของญี่ปุ่นมาก นับถือซามูไรจนถึงในจิตใจ ดูคล้ายกับดอนกิโฆเต้ อย่าสนใจที่ว่าเขาขี้เกียจ แต่ในจิตใจล้วนเป็นความอวดดี และก็ไม่กลัวตาย คนๆหนึ่งถ้าไม่กลัวแม้แต่ความตาย จะทำลายเขานั้นง่าย แต่ทำให้เขายอมนั้นไม่ง่ายเลย เพราะไม่ว่าเวลาไหนเขาก็มักจะรู้สึกว่า ถึงแม้ความสามารถของตัวเองจะไม่ผ่าน พ่ายแพ้ไป แต่อย่างมากก็แค่ถูกฟันทิ้ง เมื่อฟันทิ้งแล้ว ยังได้รับตำนานชื่อเสียงอันดีงามอีกด้วย ดังนั้น สถานการณ์แบบนี้ก็ต้องทำให้เขาเข้าใจหลักการความจริงว่า นายคิดว่าตัวเองถูกฟันทิ้งก็จะกลายเป็นฮีโร่งั้นหรอ? ไม่ แม้นายจะตายไป นายก็ยังเป็นไอ้โง่คนหนึ่ง! เมื่อเขารู้ ว่าแม้แต่การตายก็จัดการปัญหาตรงหน้าไม่ได้ ความภาคภูมิใจทั้งหมดของเขาก็จะทลายลงจนหมดสิ้น และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม เย่เฉินถึงต้องบีบบังคับเขาให้จนถึงที่สุด ดูจากผลลัพธ์ตรงหน้า เย่เฉินได้ผลลัพธ์ที่เขาอยากได้แล้ว ตั้งแต่บัดนี้ไป ว่านพั่วจวินกับสำนักว่านหลงของเขา จะต้องเชื่อฟังซื่อสัตย์ต่อคำสั่งของเย่เฉินอย่างแน่นอน ลูกน้องและเพื่อนพ้องพวกนั้นของเย่เฉิน ต่างก็ตื่นเต้นอย่างที่สุด วันนี้สำหรับพวกเขาแล้ว เป็นวันหนึ่งที่ลืมได้ยากที่สุดในชีวิต นี่ไม่ใช่เพียงแค่การได้มีชีวิตใหม่หลังความตายแล้ว แต่นี่คือการได้ชีวิตใหม่ที่ดีขึ้น! กู้เย้นจงนั่นยิ่งตื่นเต้นจนน้ำตารินไหล เขามองไปที่สุสานของเย่ฉางอิง พึมพำว่า “พี่เย่ วันนี้เฉินเอ๋อทำเรื่องใหญ่ ไม่เพียงแต่จัดการสำนักว่านหลงได้ แล้วยังได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูลเย่อีกด้วย เชื่อว่าใช้เวลาอีกไม่นาน เฉินเอ๋อก็จะสามารถสืบทอดความหวังของคุณได้ ทำให้ตระกูลเย่ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลก!” ความรู้สึกของถังซื่อไห่ เหมือนกับกู้เย้นจง เขาคือผู้ซื่อสัตย์ของเย่ฉางอิง มีชีวิตมาจนถึงตอนนี้ ก็เพื่อวันนี้ ดังนั้น เขาจึงร้องไห้ออกมาโดยไม่รู้ตัว ส่วนคนของตระกูลเย่ ตอนนี้ทั้งดีใจและกังวล สิ่งที่ดีใจคือ อันตรายที่ยิ่งใหญ่ได้หายไปแล้ว ส่วนที่กังวลคือ เมื่อกี้เหมือนว่าเพียงคำพูดเดียวของเย่เฉิน ก็พาตัวเขาขึ้นไปนั่งในตำแหน่งผู้นำตระกูลแล้ว??? โดยเฉพาะเย่ฉางโคงและคนอื่นๆ พวกเขาก็รีบแยกแยะจากคำพูดของเย่เฉินที่พูดกับว่านพั่วจวินเมื่อกี้ รับรู้ได้ถึงความแตกต่างออกไป ในใจของเย่ฉางโคงในเวลานี้คิดว่า “เมื่อกี้เย่เฉินพูดกับว่านพั่วจวินว่า เขาเพิ่งรับช่วงต่อปัญหาต่างๆของตระกูลเย่ อนาคตคงจะขาดลูกน้อง นี่หมายความว่ายังไง?!หรือว่า…..หรือว่าเขาคิดจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลในวันนี้เลย?!แต่ว่า….แต่ว่าคุณท่านพูดว่าให้เขาช่วยจัดการปัญหาชั่วคราว รอปัญหาอันตรายครั้งนี้ผ่านไป เขาก็จะต้องคืนอำนาจให้กับคุณท่านนี่นา!ไอ้สารเลวนี่คิดอยากจะเข็นเรือตามน้ำขึ้นตำแหน่ง?!” คนในตระกูลเย่คนอื่นๆ ต่างก็เข้าใจความหมายนี้เช่นกัน วินาทีนั้น นอกจากเย่ฉางซิ่วคุณน้าของเย่เฉินแล้ว ในใจของคนอื่นๆต่างก็ไม่พอใจอย่างที่สุด