คำพูดเดียวของเย่เฉิน ทำเอาซูเฉิงเฟิงสะดุ้งตกใจ เขายิ่งกลัว ก็ยิ่งตะโกนเสียงดังขึ้น “เพราะอะไร?!ฉันเป็นผู้นำตระกูลซูมานานขนาดนี้ เพราะอะไรนายพูดว่าไม่ใช่ ฉันก็ไม่ใช่?!นายมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับเรื่องในตระกูลซูของเรา?!ฉันถึงจะเป็นผู้นำของตระกูลซู เรื่องทุกอย่างของตระกูลซู ล้วนเป็นฉันตัดสินใจ!” เย่เฉินพูดอย่างดูถูก “เรื่องในตระกูลซูของพวกนายฉันไม่มีสิทธิ์ไปยุ่งอยู่แล้ว แต่ว่าตอนนี้นายอยู่ที่ภูเขาเย่หลิงซาน ฉันยุ่งเรื่องตระกูลซูไม่ได้ แต่ฉันยุ่งเรื่องนายได้!” ซูเฉิงเฟิงหน้าด้านพูดว่า “ฉันนายก็ยุ่งไม่ได้!ฉันไปมาได้อิสระ นายมีสิทธิ์อะไรมายุ่งเรื่องฉัน?” เย่เฉินพูดเสียงเย็นชา “ด้วยสิทธิ์ที่วันนี้นายใส่ชุดไว้ทุกข์มาที่ภูเขาเย่หลิงซานของตระกูลเย่!ถ้าหากนายไม่มา ฉันก็จะไม่ทำอะไรนาย ต่อไปถ้าหากตระกูลซูยังมีอะไรที่ไม่พอใจ พวกเรายังมีโอกาสมากมายที่จะต่อสู้กันได้ในแต่ละที่ แต่นายผิดก็ตรงที่ว่ามาหาเรื่องเองถึงที่ ในเมื่อมาแล้ว ทุกอย่างล้วนเป็นฉันตัดสินใจ!” พูดจบ เขาก็พูดอย่างโหดเหี้ยมชี้ไปที่ซูจือหยู พูดกับซูเฉิงเฟิงว่า “ซูเฉิงเฟิง!ตอนนี้ฉันให้ทางเลือกนายสองทาง หนึ่ง ยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับซูจือหยูอย่างถูกกฎหมาย จากนั้นนายก็ไปที่มัลดีฟส์ หาเกาะสักแห่งใช้ชีวิตวัยแก่ซะ ตายเมื่อไหร่ ก็ค่อยนอนอยู่ในโลงศพกลับมาที่นี่!” พูดถึงนี่ น้ำเสียงของเย่เฉินก็ดังขึ้น พูดเสียงเย็นชาว่า “ตัวเลือกที่สอง ก็คือฉันส่งนายกับลูกชายคนโตของนายไปยังที่ซีเรียเดี๋ยวนี้ แต่ฉันจะขอเตือนก่อนสักหน่อย คุณภาพชีวิตที่นั่น เทียบกับมัลดีฟส์ไม่ได้ แล้วนายก็สบายใจได้ จากคนรู้จักที่ฉันมีอยู่ที่นั่น นายไปแล้วก็ไม่มีทางได้มีชีวิตรอดกลับมา และถึงแม้จะตายไปก็กลับมาไม่ได้” ใจของซูเฉิงเฟิงกระตุกวูบทีหนึ่ง พูดออกไปว่า “นาย…แบบนี้มันคือการลักพาตัว!นายรู้มั้ยว่าฉันเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงไปทั่วโลก? นายกล้าลักพาตัวฉัน?” เย่เฉินพูดยิ้มๆ “ฉันขี้เกียจจะลักพาตัวตาแก่อย่างนายเถอะ” พูดจบ เขาก็มองไปทางว่านพั่วจวิน เอ่ยปากพูดว่า “กลับไปนายไปจัดการสักหน่อย ให้คนส่งเขาไปที่คามมิต ถึงตอนนั้นฉันเองก็จะบอกให้กับคนในรัฐบาลทหาร ให้พวกเขาปล่อยพลทหารของสำนักว่านหลงที่เป็นเชลยออกมา ว่านพั่วจวินรีบพูดอย่างเคารพว่า “รับทราบครับ!” จากนั้นเย่เฉินก็มองไปยังซูเฉิงเฟิง เอ่ยปากพูดว่า “นายเห็นรึยัง ฉันเย่เฉินปฏิบัติตามกฎหมายมาเสมอ จะไปลักพาตัวตาแก่อย่างนายได้ยังไงกัน? แต่ถ้าหากว่าสำนักว่านหลงเป็นคนลงมือละก็ งั้นนายก็คงต้องขอพรให้ตัวเองแล้วละ” “ฉัน….” ซูเฉิงเฟิงตกใจจนตัวสั่นไปหมด พูดว่า “เย่เฉิน…นาย…นายมันไร้ยางอายจริงๆนายมีความโปร่งใสเหมือนพ่อของนายในตอนนั้นที่ไหนกัน! ถ้าหากว่าวันนี้พ่อนายอยู่ที่นี่ เขาจะต้องไม่มากดดันตาแก่อายุปูนนี้อย่างฉันแน่นอน!” เย่เฉินสีหน้าเย็นชาพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า “พ่อของฉันก็เพราะว่าตอนนั้นเป็นคนดีโปร่งใสมากเกินไป ถึงได้ถูกขยะอย่างพวกนายรวมหัวกันหาเรื่อง ถ้าหากว่าเขาใจร้ายขึ้นมาหน่อย คนอย่างพวกนายก็คงไม่มีทางรอดมาได้จนทุกวันนี้ ดังนั้น ฉันจะไม่มีทางทำผิดเหมือนที่พ่อของฉันเคยทำอีกแน่นอน!” พูดจบ เย่เฉินก็พูดอย่างรำคาญว่า “ในเมื่อแกแม่งพูดมากขนาดนี้ งั้นฉันก็ถือซะว่าแกเลือกข้อที่สองแล้วกัน” จากนั้น เขาก็พูดกับพลทหารสำนักว่านหลงว่า “พวกนายจับมันมัดไว้ให้ฉัน รอไปถึงที่ซีเรียแล้วส่งมอบให้กับคามมิต บอกกับคามมิตว่าไม่ต้องแก้มัดให้เขา ไปปักเสาไว้ที่บนเขา จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าเขาทิ้งแล้วมัดไว้บนนั้น ไม่ว่าจะกินนอนหรือทำอะไรก็ให้อยู่แต่บนนั้น!” พลทหารของสำนักว่านหลงต่างก็พูดอย่างเคารพว่า “รับทราบครับ!”