เดิมทีคิดว่าเย่เฉินให้ตัวเองไปมาดากัสการ์เพื่อใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก แต่ไม่คิดเลยว่า กลับอนุญาตให้ตัวเองได้เป็นเจ้าของสวน ถ้าหากว่าเป็นอย่างนี้จริงๆ อย่างนั้นมันก็จะดีงามอย่างมากเลย เขาคิดในใจ “ถึงแม้สภาพทางยุโรปจะยากจนยังไง แต่เพียงแค่เงินเยอะ ก็สามารถอยู่ได้อย่างสุขสบาย อย่างมากถ้าหากอยากได้อะไรก็ซื้อจากต่างประเทศก็ได้แล้ว! จากกำลังทรัพย์ตระกูลซูของฉันแล้ว ไม่พูดคำพูดที่อวดดีถึงขั้นว่าซื้อมาดากัสการ์ได้ แต่ถ้าจะให้พูดถึงว่าสร้างคฤหาสน์พื้นที่ขนาดหลายร้อยไร่ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายนิดเดียวไม่ใช่หรือไง? เพียงแค่ไม่ให้ฉันทุกข์ยากลำบาก ให้ฉันใช้ชีวิตวัยแก่อย่างสุขสบาย ฉันก็พอใจแล้ว!” เย่เฉินเห็นว่าในที่สุดซูเฉิงเฟิงก็ยอมอ่อนข้อลงแล้ว จึงหันไปทางซูจือหยู พูดว่า “คุณหนูซู รบกวนมานี่หน่อยครับ” ซูจือหยูมองเย่เฉินอย่างประหม่า รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ตอนเย่เฉินพูดกับซูเฉิงเฟิง ให้เขามอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้แก่ซูจือหยู ในใจของซูจือหยูกระสับกระส่ายมาก อย่างแรกคือเธอไม่รู้ว่าทำไมเย่เฉินต้องช่วยตัวเองแบบนี้ อย่างที่สองก็คือไม่รู้ว่าตัวเองจะมีความสามารถนั้นมั้ย ที่จะสามารถบริหารตระกูลซูที่เป็นตระกูลใหญ่ขนาดนี้ให้ดีได้ แต่ว่า เห็นเย่เฉินเรียกตัวเองไปหา แม้ซูจือหยูจะประหม่า แต่ก็ยังเดินไปหาอย่างเชื่อฟัง เธอก้าวเดินไปจนถึงตรงหน้าเย่เฉิน ถามอย่างเคารพว่า “ผู้มีพระคุณคะ…..คุณ….คุณมีอะไรจะรับสั่งคะ….” เย่เฉินพูดนิ่งๆว่า “คุณปู่ของเธอจะมอบตำแหน่งผู้นำตระกูลให้กับเธอ ต่อไปเธอก็คือผู้นำตระกูลซูแล้วนะ ยังไม่รีบขอบคุณเขาอีก” ซูจือหยูนิ่งไป เธอรู้ดีว่าทั้งหมดนี้เย่เฉินแย่งมาให้เธอจากมือของคุณปู่ จึงรีบพูดว่า “ผู้มีพระคุณคะ….จือหยูขอบคุณต่อความรักของคุณ….แต่ว่า….แต่ว่าฉันไม่มีความมั่นใจจริงๆว่าสามารถดูแลธุรกิจที่ใหญ่ขนาดนี้ของตระกูลซูได้…..” เวลานี้เย่เฉินเอ่ยปากพูดว่า “เธอไม่ต้องสงสัยตัวเอง คนของตระกูลซูฉันก็รู้จักมาไม่น้อย นิสัยและความสามารถที่พอใช้ได้ มีเพียงแค่เธอคนเดียว” พูดถึงนี่ ซูเฉิงเฟิงหันไปมองซูรั่วหลี แล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่ารั่วหลีจะเคยมีอดีตที่ถูกตระกูลซูปิดหูปิดตาแล้วฆ่าคนตาย แม้ว่าจะเป็นการที่ถูกพ่อและปู่ของเธอสั่ง แต่ตัวของเธอเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความผิด” ซูรั่วหลีได้ยินคำพูดนี้ ก็ก้มหน้าลงเล็กน้อยอย่างละอายใจ เมื่อก่อน เธอเคยทำเรื่องเลวร้ายเพื่อคนตระกูลซูมาเยอะจริงๆ รวมทั้งที่ฆ่ามัตสึโมโตะ โยชิโตทั้งบ้านที่ญี่ปุ่นด้วย ถึงขั้นไม่เว้นแม้แต่เด็กน้อย ดังนั้น ที่เย่เฉินบอกว่าเธอไม่ใช่ว่าจะไม่มีความผิด ในใจของเธอนั้นเห็นด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์ เวลานี้ เย่เฉินก็พูดกับซูจือหยูอีกว่า “ตระกูลซูมีจิ้งจอกเฒ่าอย่างพ่อของเธอกับปู่ของเธอ หลายปีมานี้ทำเรื่องชั่วร้ายมาเยอะจริงๆ ฉันไม่ได้จงใจอยากจะมาคิดบัญชีเก่าที่นี่ แต่ถ้ามองย้อนไป คนที่สามารถนำพาตระกูลซูกลับเข้าสู่เส้นทางที่ถูกต้องได้ มีเพียงแค่เธอ” พูดแล้วเย่เฉินก็มองไปยังซูเฉิงเฟิงและซูโสว่เต้า พูดนิ่งๆว่า “เดิมทีในแผนการของฉัน สักวันตระกูลซูจะต้องถูกฉันทำลายทิ้ง เพราะในขอบเขตที่ฉันเห็นเมื่อก่อนนี้ ตระกูลซูไม่มีคนดีเลยสักคน ที่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนความคิด ก็เป็นเพราะว่า ฉันเชื่อมันในตัวเธอ เชื่อว่าเธอจะสามารถนำพาตระกูลซูกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้องได้ มีเพียงตระกูลซูกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง ฉันถึงจะเมตตาตระกูลซู เพราะงั้นทั้งหมดในตระกูลซู ไม่มีใครที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากไปกว่าเธอแล้ว” พูดจนถึงนี่ เย่เฉินก็หันไปมองซูเฉิงเฟิง พูดอย่างเย็นชาว่า “เพราะงั้นซูเฉิงเฟิงนายเองก็ไม่ต้องคิดว่าซูจือหยูแย่งธุรกิจของนานไป เพราะที่จริงแล้วเธอนั้นช่วยชีวิตนายไว้! ไม่อย่างนั้น แค่การกระทำที่นายใช่สุดไว้ทุกข์ขึ้นมาดูเรื่องสนุกที่ภูเขาเย่หลิงซาน ฉันก็ไม่มีทางปล่อยให้นายมีชีวิตรอดจากไปได้แน่นอน!” ขณะนี้ซูเฉิงเฟิงอดที่จะสะดุ้งจนตัวสั่นไม่ได้ เขาเห็นว่าเย่เฉินพูดจาดูไม่เหมือนกับล้อเล่น ก็รู้สึกหวาดกลัวจนเหงื่อผุดท่วมตัว เดิมทีเขาคิดว่าเย่เฉินจงใจหาเรื่องแกล้งตัวเขา แก้แค้นตัวเขา แต่ตอนนี้ เขาถึงเพิ่งรู้ว่าเย่เฉินนั้นไว้ชีวิตตัวเขา….