ถึงแม้เย่เฉินจะพูดอย่างชัดเจนแล้วว่าไม่นำเถ้ากระดูกของบุพการีไปทำลาย แต่อย่างไรเสียเย่เฉินก็ได้ละเว้นชีวิตตนแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นการจะปล่อยให้ตนส่งบุพการีไปสู่สุคติหรือไม่ ยังคงกลายเป็นเรื่องที่เขากังวลใจที่สุด

พอเวลานี้ได้ยินคำพูดนี้ของเย่เฉิน ความหนักอึ้งในใจเขาก็หมดลง เป็นธรรมดาที่จะรู้สึกซาบซึ้งอย่างหาที่สุดไม่ได้

โดยไม่รู้ตัว ความเย่อหยิ่ง ความมั่นใจในตัวเองรวมถึงนิสัยพยศทั้งหมดของเขา ก็ถูกเย่เฉินขัดเกลาจนราบเรียบได้ในที่สุด

เขาในตอนนี้ เห็นเย่เฉินเป็นเทพเจ้าที่ช่วยชีวิตตน รวมถึงช่วยชีวิตสรรพชีวิตทั้งหมดไปเสียแล้ว

เพียงแต่ภายในใจเขาพูดกับเย่เฉินอย่างละอายใจสุดแสนว่า “คุณเย่ บุญคุณอันใหญ่หลวงของคุณ ผมจะใช้ชีวิตที่เหลือและกำลังทั้งหมดที่มีตอบแทนบุญคุณอย่างแน่นอน…”

เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ว่านพั่วจวินก็ถอนหายใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ กล่าวอย่างตำหนิตนเองว่า “น่าเสียดายตอนนี้ผมเป็นคนพิการที่เส้นลมปราณขาดสะบั้นหมดแล้วคนหนึ่ง ถึงแม้เรื่องมากมายผมจะลงมือทำอย่างสุดกำลัง ก็เกรงว่าจะมีเรี่ยวแรงไม่พอ อนาคตหากไม่สามารถทำให้คุณพอใจได้อย่างแท้จริง ยังหวังว่าคุณจะให้อภัย!”

พอเย่เฉินได้ยินเช่นนี้ ก็กล่าวขึ้นอย่างไม่ถือสาว่า “ก็แค่เส้นลมปราณ ต่อให้ขาดสะบั้นหมดแล้วอย่างไร รักษาหายก็ใช้ได้แล้ว”

พอเย่เฉินพูดคำนี้ออกมา ทุกคนต่างก็พากันตกตะลึงไปหมด

เส้นลมปราณขาดสะบั้นหมดแล้วอย่างไรน่ะเหรอ

พึงรู้ไว้ว่าเส้นลมปราณก็คือพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ อีกทั้งผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ก็มีความรู้พื้นฐานข้อหนึ่งที่รู้กันดีว่า เส้นลมปราณที่ได้รับความเสียหายจะสามารถค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่เส้นลมปราณขาดสะบั้นจะไม่สามารถซ่อมแซมกลับมาเหมือนเดิมได้อีก

แต่เย่เฉินกลับพูดคำทั้งหมดนี้ออกมาอย่างสบายใจถึงเพียงนี้

นี่ สำหรับผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดแล้วพูดได้ว่าเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งเพ

แม้แต่ตัวว่านพั่วจวินเองก็ไม่เชื่อเช่นกัน

เขามองไปทางเย่เฉิน ถามอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “คุณเย่ เส้นลมปราณของผม……สามารถฟื้นคืนกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้จริงๆ เหรอ?”

เย่เฉินกล่าวเสียงราบเรียบว่า “ว่านพั่วจวิน ในฐานะลูกน้องของฉัน นายต้องจำเอาไว้ นับแต่นี้เป็นต้นไป ทุกคำที่ฉันพูด นายห้ามสงสัย! ต่อให้สิ่งที่ฉันพูด จะลบล้างประสบการณ์หรือความรู้ของนายก็ตาม นายก็ห้ามสงสัยด้วยเช่นกัน เพราะตราบใดที่ฉันพูดออกมา ฉันล้วนทำมันได้อย่างแน่นอน!”

ว่านพั่วจวินกล่าวขึ้นมาอย่างประหม่าและรีบร้อน “ผมสมควรตาย! ผมไม่ควรสงสัยคำที่คุณเย่พูด คุณเย่โปรดลงโทษ!”

ว่านพั่วจวินในเวลานี้ ในใจเคารพเย่เฉินอย่างหาที่สุดไม่ได้ไปเสียแล้ว

เย่เฉินเพียงยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็ยื่นมือออกไป ใช้ฝ่ามือกดไปที่ศีรษะว่านพั่วจวินที่กำลังคุกเข่าอยู่เบาๆ พูดอย่างจองหองเป็นอย่างยิ่งว่า “ในเมื่อเส้นลมปราณทั้งแปดเส้นของนายขาดสะบั้นหมดแล้ว อย่างนั้นฉันก็จะช่วยนายต่อเส้นลมปราณทั้งแปดเส้นนี้กลับมาใหม่ทั้งหมดเอง!”

พูดจบ เขาก็ใช้ปราณทิพย์อันแข็งแกร่ง ถ่ายเทจากจุดไป๋ฮุ่ยบนศีรษะของว่านพั่วจวินเข้าสู่ภายในร่างกายของเขา ไปยังตำแหน่งเส้นลมปราณของว่านพั่วจวินอย่างรวดเร็วในชั่วพริบตา!

เส้นที่ปราณทิพย์เข้าไปก่อนลำดับแรก คือเส้นเริ่นหนึ่งในเส้นลมปราณพิเศษ 8 เส้นของว่านพั่วจวิน

ระหว่างทางที่ปราณทิพย์เข้าสู่เส้นเริ่นนี้ ช่างราวกับแม่น้ำที่ไหลชโลมผืนดินอันแห้งผากโดยแท้ ทำให้ลำน้ำที่แห้งขอดรวมถึงพืชที่เฉาตายเจริญเติบโตมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่อีกครั้ง!

ในตอนนี้เองว่านพั่วจวินก็รู้สึกถึงขั้นตอนที่เส้นเริ่นถูกต่อเข้าด้วยกันใหม่อย่างชัดเจน!

เขาในเวลานี้ โลกทัศน์ทั้งหมดทั้งมวลได้ถูกลบล้างลงอีกครั้งและพร้อมกันนั้นก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงขึ้นอีกครั้งด้วยเช่นกัน!

เขาในขณะนี้ ในใจทั้งมองเย่เฉินเป็นดั่งเทพเจ้า และมองตัวเองเป็นดั่งมดปลวกไปแล้ว!

เพราะว่าสำหรับเขาแล้ว การที่สามารถฟื้นฟูเส้นลมปราณทั้งหมดได้อย่างสบายๆ ถึงขนาดนี้ ความสามารถเช่นนี้ กับเทพเจ้าแล้วไม่มีอะไรแตกต่าง!

เขารู้สึกว่าตนเองราวกับปู่โง่ย้ายภูเขา ส่วนเย่เฉินคือเทพเจ้าที่สามารถแบกภูเขาสองลูกเดินไปได้อย่างสบายๆ

ระดับที่อีกกี่ชาติตนก็ไม่อาจบรรลุไปถึง แต่สำหรับเย่เฉินนั้น ช่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ!

ผู้ฝึกศิลปะการต่อสู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ละคนต่างตะลึงงันกันไปหมด

พวกเขามองคนที่ฝีมือสูงกว่าตัวเองไม่ออกว่าแท้ที่จริงแล้วผลการฝึกฝนเท่าใด แต่กลับสามารถมองคนที่ฝีมือต่ำกว่าตนเองออก

ตั้งแต่นาทีที่ว่านพั่วจวินตัดเส้นลมปราณของตน พวกเขาล้วนมองออกได้ว่าว่านพั่วจวินกลายเป็นคนพิการไปแล้ว

แต่บัดนี้พวกเขาเองต่างก็มองออกเช่นกัน ว่านพั่วจวินจากคนพิการคนหนึ่ง ได้กลายเป็นนักบู๊หนึ่งดาวที่ต่อเส้นเริ่นขึ้นมาใหม่อีกครั้ง!

ในฝูงชนพลันเกิดเสียงอุทานด้วยความตกตะลึงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีคนร้องอย่างตกใจขึ้นมาว่า

“ผลการฝึกฝนของว่านพั่วจวินในตอนนี้ เป็นนักบู๊หนึ่งดาวไปแล้ว!”

“จริงด้วย! คิดไม่ถึงเลยว่า……เส้นลมปราณที่ขาดสะบั้นไปแล้วจะสามารถต่อกลับมาใหม่ได้จริงๆ!”

“สวรรค์ ความสามารถของคุณเย่แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!”

“พวกนายดูเร็ว ประมุขเขาเป็นนักบู๊สองดาวแล้ว!”

“ให้ตายสิ! นี่เพิ่งจะใช้เวลาไปสิบกว่าวินาทีเอง เส้นชีพจรของว่านพั่วจวินก็ถูกต่อกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว!”

“เกินขีดจำกัดไปแล้ว! ตอนนี้อาจารย์เย่กำลังเริ่มต่อเส้นลมปราณเส้นที่สามของเขาแล้ว!”

“เส้นลมปราณเส้นที่สามก็ต่อได้แล้ว! นี่……นี่มันช่างมหัศจรรย์โดยแท้!” .