ตอนนี้ซูโสว่เต้ายังคิดไม่ได้ ถึงความคิดส่วนลึกของเย่เฉิน
ตอนนี้เขารู้เพียงแค่ว่า โดยทั่วไปในตอนนี้ตัวเองนั้นถูกปลดปล่อยแล้ว
แม้ว่าจะถูกคนตระกูลเหอเฝ้าดูการพักอาศัยอยู่ในเมืองจินหลิง ก็ยังดีกว่าที่ซีเรียเป็นหมื่นๆเท่า
ดังนั้น เขาในตอนนี้ดีใจอย่างมาก แทบอยากจะรีบไปเมืองจินหลิงซะเดี๋ยวนี้เลย
เบื้องลึกในใจของซูจือหยูรู้สึกขอบคุณเย่เฉินเป็นอย่างมาก
คิดในใจว่า “ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ วันนี้ท่านผู้มีพระคุณ จะใช้วิธีการทำดีตอบแทนความแค้น ให้ผลลัพธ์ที่ดีกับตระกูลซูเกินกว่าที่ฉันคาดไว้…..”
“คุณปู่สามารถออกจากภูเขาเย่หลิงซานได้อย่างปลอดภัย คุณพ่อสามารถกลับสู่ประเทศเพื่อใช้ชีวิตวัยชรา ส่วนฉัน ก็สามารถรับช่วงต่อของตระกูลซูอย่างเป็นทางการ และขึ้นเป็นผู้นำตระกูลซู….”
“ในตอนที่ท่านผู้มีพระคุณโจมตีราชันสงครามสองคนของสำนักว่านหลงด้วยพริบตาเดียว ฉันยังคิดอยู่เลยว่าวันนี้คุณปู่คงจะต้องตายแน่….”
“แต่ไม่คิดเลยว่าท่านผู้มีพระคุณจะไว้ชีวิตเขา! นี่คือวิธีการทำดีตอบแทนความแค้นจริงๆ…”
แต่ซูจือหยูก็รู้ดี ที่เย่เฉินไว้ชีวิตคุณปู่ น่าจะเพื่อให้ตัวเองรับช่วงต่อตระกูลซูได้ง่ายขึ้น
ยังไงซะ หุ้นส่วนมากของตระกูลซูก็อยู่ที่คุณปู่ อีกอย่างสิทธิ์ของหุ้นทั้งหมดก็อยู่ที่เขา เขาเป็นผู้นำตระกูลของตระกูลซู และยิ่งเป็นผู้ควบคุมกิจการทั้งหมดของตระกูลซูอย่างแท้จริง
ถ้าหากวันนี้เขาตายไป งั้นต่อมาตระกูลซูจะต้องทำการแบ่งมรดกตามลำดับผู้สืบทอดอย่างแน่นอน
แม้ว่าคุณพ่อจะเป็นลูกชายคนโต แต่ก็ถูกเย่เฉินจำกัดอิสรภาพ สถานภาพของอารองในตอนนี้เองก็เหมือนกัน
ในสถานการณ์อย่างนี้ ตระกูลซูไม่มีที่พึ่งพากลาง จะต้องแตกแยกกันแน่นอน
ถ้าหากแยกบ้านกัน ไม่ว่าใครก็คงจะรวบรวมคนตระกูลซูเข้าด้วยกันอีกได้ยากแน่นอน
แต่ว่าเย่เฉินใช้เงื่อนไขการไว้ชีวิตคุณท่าน มาแลกกับที่คุณท่านยินยอมโอนกรรมสิทธิ์หุ้นและสิทธิ์การควบคุมทั้งหมดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อเป็นอย่างนี้ ซูจือหยูก็สามารถนับช่วงต่อตระกูลซูได้อย่างง่ายดาย
หากซูจือหยูคุมอำนาจทั้งหมด ใครก็จะไม่สามารถเป็นอันตรายต่อตำแหน่งผู้นำตระกูลของเธอได้
ถ้าหากตระกูลซูใครกล้าไม่พอใจ ซูจือหยูถึงขั้นสามารถไล่มันออกจากบ้าน และไล่ออกจากระบบธุรกิจของซูซื่อกรุ๊ปได้เลย
เมื่อนึกถึงว่าเย่เฉินช่วยตัวเองมากขนาดนี้ ความรู้สึกขอบคุณในใจของซูจือหยูก็มีมากล้นเต็มจนไม่สามารถเพิ่มอีกได้แล้ว
ในวินาทีนี้ ในกลุ่มผู้คนมีคนๆหนึ่งกำลังมองเย่เฉินด้วยสายตาร้อนแรง
คนๆนี้ ก็คือเจ้าหญิงเฮเลน่าที่ยืนอยู่ในกลุ่มผู้คนด้านหลังเย่เฉินมาโดยตลอด
เธอคิดไม่ถึง ว่าเย่เฉินจะมีกำลังแข็งแกร่งมากขนาดนี้ ที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือ เพียงไม่กี่คนของเย่เฉินก็สามารถให้ซูจือหยูขึ้นเป็นผู้นำตระกูลซูได้อย่างราบรื่น
สิ่งนี้ทำให้เธอนึกถึงคำพูดที่เย่เฉินเคยพูด อดที่จะอุทานไม่ได้ “เย่เฉินบอกว่าเขาสามารถทำให้ฉันขึ้นสู่ตำแหน่งควีนของยุโรปเหนือ เดิมทีในใจฉันยังมีความไม่แน่ใจอยู่ แต่ตอนนี้ ฉันมั่นใจแล้วว่าเย่เฉินสามารถทำได้แน่นอน!”
เธอในตอนนี้ เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นที่อยากจะแก้แค้น เธอเริ่มคาดหวังถึงวินาทีที่ตัวเองได้ขึ้นเป็นควีน และเหยียบย่ำโอลิเวียอยู่ใต้แทบเท้าแล้ว
แต่ว่า เย่เฉินในตอนนี้ไม่ได้ให้ความสนใจต่อตัวเฮเลน่า
เขาพูดกับซูโสว่เต้าและซูเฉิงเฟิงว่า “พวกนายสองคน คนหนึ่งก่อตั้งองค์กรพันธมิตรต่อต้านตระกูลเย่ อีกคนใส่ชุดไว้ทุกข์ขึ้นมาบนภูเขาเย่หลิงซาน โทษประหารสามารถหนีพ้นได้ แต่โทษที่ควรได้รับนั้นหนีไม่พ้น เพราะงั้นตอนนี้ก็ไปคุกเข่าตรงหน้าสุสานพ่อแม่ฉันให้ดีๆ! คุกเข่าจนถึงเวลานี้ของวันพรุ่งนี้เช้า!”
ซูเฉิงเฟิงเพียงแค่ใจกระตุกนิดหน่อย แต่เมื่อนึกถึงว่าเพียงแค่คุกเข่าหนึ่งวันหนึ่งคืน แล้วไม่มีบทลงโทษอื่น ในใจเขาก็สงบลงเยอะ
เขาเองก็รู้ดี เย่เฉินไม่มีทางส่งเขาออกไปมาดากัสการ์ง่ายขนาดนี้แน่นอน บทลงโทษนี้สำหรับเขาแล้วก็สามารถยอมรับได้
ซูโสว่เต้าเองก็เช่นกัน
ก่อนที่เขาจะมาก็เตรียมใจที่จะต้องคุกเข่าสารภาพผิดต่อหน้าสุสานของสามีภรรยาเย่ฉางอิงไว้แล้ว เย่เฉินให้ตัวเองคุกเข่าหนึ่งวันหนึ่งคืน ก็ไม่ได้เกินกว่าที่คาดคิดไว้
ในเวลานี้เย่เฉินก็หันไปมองว่านพั่วจวินรวมทั้งพลทหารคนอื่นๆของสำนักว่านหลง แล้วพูดนิ่งๆว่า “วันนี้พวกนายมาวุ่นวายในงานวันไหว้บรรพบุรุษตระกูลเย่รวมทั้งรบกวนความสงบของบรรพบุรุษตระกูลเย่ โทษประหารสามารถหนีพ้นได้ แต่โทษที่ควรได้รับนั้นหนีไม่พ้นเช่นกัน ทุกคน เหมือนกับคนของตระกูลซูสองคนนี้ จะต้องคุกเข่าตรงหน้าสุสานของบรรพบุรุษตระกูลเย่ คุกเข่าอย่างเคร่งครัดจนถึงเวลานี้ของวันพรุ่งนี้!”
ว่านพั่วจวินตอบอย่างเคารพว่า “กระผมรับทราบครับ!”
กระผมเพียงคำเดียว เท่ากับว่าว่านพั่วจวินได้ตั้งตนขึ้นในฐานะใหม่แล้ว
พลทหารคนอื่นๆของสำนักว่านหลงเองก็รีบพูดเสียงพร้อมกันว่า “กระผมรับทราบครับ!”
เย่เฉินพยักหน้า มองไปทางว่านพั่วจวิน เอ่ยปากพูดว่า “จำไว้ หลังจากที่คุกเข่าเสร็จแล้ว ฉันให้วันหยุดพวกนายสามวัน นายใช้เวลาสามวันนี้ หาพื้นที่สภาพแวดล้อมดีๆสักแห่ง แล้วจัดงานฝังศพพ่อแม่ของนายลงไปใหม่อีกครั้ง หลังจากเสร็จงานแล้ว ค่อยพาตัวคนของนายไปพบฉันที่เมืองจินหลิง!”
ว่านพั่วจวินที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าเย่เฉิน เมื่อได้ยินอย่างนี้ ก็ยิ่งรู้สึกขอบคุณเย่เฉินมากขึ้นอีก
ในใจเขาไม่รู้มาตลอด ว่าเย่เฉินจะจัดการกับโลงศพของพ่อแม่เขายังไง