พอเย่เฉินกับคนตระกูลเย่กราบไหว้บรรพบุรุษอย่างง่ายๆ จบ ก็มาที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงพร้อมกับคุณปู่เย่โจงฉวน และอาเล็กเย่ฉางซิ่ว ตอนที่กำลังเตรียมจัดงานเลี้ยงรับรองญาติสนิทมิตรสหายทุกคนที่ขึ้นมายังภูเขาเย่หลิงซาน โลกภายนอกที่ให้ความสนใจความเคลื่อนไหวในเย่หลิงซานก็ได้รับข่าวกันแล้ว
พอทราบว่าตระกูลเย่ยอมลงให้กับสำนักว่านหลงในที่สุด คนที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง จึงไม่มีใครสักคนที่สงสัยเท็จจริงในข่าวนี้
อย่างไรเสียต่อให้ตระกูลเศรษฐีเหล่านี้ยิ่งใหญ่แค่ไหน ก็ไม่มีทางสู้สำนักว่านหลงได้ นี่เป็นเรื่องพื้นฐานที่ทุกคนรู้กันดี
ยิ่งไปกว่านั้น ประมุขสำนักว่านหลง นั้นมีความแค้นลึกล้ำกับตระกูลเย่ จะต้องไม่มีทางปล่อยคนตระกูลเย่ไปง่ายๆแน่
ส่วนพวกสาขารองตระกูลเย่ที่หลบหนีไปกลางดึกเหล่านั้น หลังได้รับข่าวนี้ ภายในใจลึกๆ ของแต่ละคนต่างปีติยินดีเหลือจะกล่าว
ที่ปีติยินดีคือตนไหวตัวเร็ว แล้วก็หนีได้เร็ว ด้วยเหตุนี้จึงหลบภัยพิบัติพ้น
ทว่าพวกเขานอกจากปีติยินดีที่ตนหลบภัยพิบัติพ้นแล้ว ก็ยังกังวลถึงอนาคตอย่างไม่มีสิ้นสุดอีกด้วย
ตระกูลสายรองเหล่านี้ ล้วนพึ่งพาการคงอยู่ของตระกูลเย่ ผู้นำสาขาส่วนใหญ่ได้รับรายได้จากธุรกิจที่ตระกูลเย่มอบให้พวกเขา
อย่างไรเสียตระกูลสายรองแต่ละสาย ก็ต่างแยกออกไปจากในตระกูลหลักทีละก้าวๆ นี่ก็เหมือนกับว่าพอเย่โจงฉวนเป็นผู้นำตระกูล น้องชายของเขาเย่โจงจั่ว ก็ต้องรู้ตัวออกไปจากตระกูลเย่ ออกไปสร้างครอบครัวตัวเอง
ส่วนเย่โจงฉวนหลุดพ้นจากการชดเชยก็ดี ออกจากครอบครัวก็ช่าง ย่อมไม่อาจไม่สนใจไยดีไม่ถามไม่ไถ่น้องชายได้ กลับกันยังต้องมอบแหล่งทำมาหากินให้เขามากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ อย่างแรกเพื่อให้เขาไม่ต้องมีความคิดแย่งชิงผู้นำตระกูล อย่างที่สองเพื่อความรักใคร่ปรองดองกันในครอบครัว ขณะเดียวกันหากมีความจำเป็น ญาติห่างๆ เหล่านี้ก็สามารถรุดมาช่วยเหลือได้
ในบรรดาเหตุผลที่ว่ามานั้น ก็เหมือนอย่างสมัยโบราณยามที่รัชทายาทขึ้นครองราชย์ ก็จะจัดให้พี่น้องคนอื่นๆ ไปเป็นอ๋องดูแลหัวเมืองแต่ละแห่ง
สำหรับตระกูลสายรองเหล่านี้พูดได้ว่า หากสูญเสียต้นไม้ใหญ่ต้นนี้อย่างตระกูลเย่ไป ความเจริญก้าวหน้าของตัวพวกเขาเองในอนาคตก็ต้องได้รับผลกระทบใหญ่หลวงเช่นกัน
แต่ว่าไม่รอให้พวกเขาได้หายใจ สำนักว่านหลงก็ปล่อยข่าวออกมาอีกว่า “ต้องการให้ญาติสายรองตระกูลเย่ที่มีรายชื่อปรากฏอยู่ในใบรายชื่อคนที่มาร่วมงานไหว้บรรพบุรุษตระกูลเย่ทั้งหมด ก่อนแปดโมงเช้าพรุ่งนี้ ให้มาคุกเข่าที่เชิงเขาเย่หลิงซาน ผู้ที่มาสาย จะถูกสำนักว่านจวินตามฆ่าไปทั่วโลก!
พอข่าวนี้ออกมา ตระกูลใหญ่ในประเทศเหล่านี้ก็หวาดผวาไม่มีที่สิ้นสุด
ทุกคนต่างคิดไม่ถึงว่า สำนักว่านหลงเอาชนะตระกูลเย่ได้ยังไม่พอใจ ถึงกับกระทั่งตระกูลสาขารองเหล่านี้ของตระกูลเย่ก็ยังไม่ปล่อยไปด้วย
ซึ่งตระกูลสาขารองเหล่านี้รู้สึกสิ้นหวังอย่างที่สุด
ความรู้สึกที่รอดตายหลังภัยพิบัติยังไม่ทันคงอยู่ได้นาน ก็พลันถูกความสิ้นหวังอย่างพระวิ่งหนีได้ แต่วัดวิ่งหนีไม่ได้เข้ามาแทนที่
รายชื่อของงานไหว้บรรพบุรุษตระกูลเย่ ก็เอาชื่อแซ่ของพวกเขาทุกคนไปนานแล้ว ฐานะและข่าวคราวล้วนถูกบันทึกไว้อย่างละเอียดยิบ
อย่างเช่นนายคนนี้แซ่อะไรชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ลำดับที่เท่าไหร่ของตระกูล บ้านอยู่ที่ไหน บิดาเป็นใคร ปู่เป็นใคร จากนั้นบรรพบุรุษเป็นสายเลือดทางไหนของตระกูลเย่ที่แยกตัวออกไป เหล่านี้ล้วนต้องใช้พู่กันจุ่มหมึกเขียนลงไปอย่างชัดเจน
เพราะใบรายชื่อใบนี้ หลังจากงานไหว้บรรพบุรุษแล้ว จะต้องเผาทิ้งให้เหล่าบรรพบุรุษดูเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าหลอกลวงใดๆ ต่อเบื้องบนนี้
ตอนนี้ ใบรายชื่อฉบับนี้ถึงกับตกอยู่ในมือสำนักว่านหลง นั่นเท่ากับว่าอดีตของแต่ละคน ล้วนถูกสำนักว่านหลงยึดกุมไว้อย่างแน่นหนา ต่อให้หนีก็หนีไม่พ้น
อิทธิพลของสำนักว่านหลง คนเหล่านี้ต่างรู้ชัดเจนดี หากต้องการลอบฆ่าพวกเขาจริง นั่นก็ช่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าละเลยคำสั่งของสำนักว่านหลง
ด้วยเหตุนี้ คนกลุ่มนี้จึงได้แต่ดึงทึ้งหนังศีรษะ รีบเดินทางกลับไปอย่างไม่สบายใจอะไร