“ค่ะ” หลินหว่านชิวถอนหายใจ มองคนที่นั่งอยู่ที่มุมห้อง เธอแอบมองเฮเลน่าของเย่เฉินพลางทอดถอนใจพูดว่า “คราวนี้เฉินเอ๋อจะไปยุโรปเหนืออีกครั้ง ถ้าเขาช่วยเฮเลน่าให้ขึ้นเป็นราชินีแห่งยุโรปเหนือจริงๆ… เกรงว่าสาวยุโรปเหนือคนนี้ก็จะตกหลุมรักเขาเช่นกัน…”

กู้เย้นจงพยักหน้า กล่าวยิ้มๆ ว่า “คุณไม่ต้องกังวล เฉินเอ๋อเป็นลูกกตัญญู ไม่ว่าจะมีผู้หญิงกี่คนที่ชอบเขา หนานหนานก็เป็นเพียงคนเดียวในโลก ที่พี่เย่และพี่สะใภ้เย่เลือกให้เป็นลูกสะใภ้ก่อนตาย”

ว่าแล้วกู้เย้นจงก็พูดอีกว่า “แม้ว่าตอนนี้เฉินเอ๋อจะมีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็ตาม แต่ก็เป็นเพราะเขาไม่ได้อยู่ในตระกูลเย่มายี่สิบปีแล้ว ตอนนี้วงโคจรชีวิตของเฉินเอ๋อได้เริ่มเข้าใกล้ตระกูลเย่มากขึ้น ในแง่ของความรู้สึกส่วนตัวเขาต้องกลับไปยังแนวทางที่พี่เย่และพี่สะใภ้เย่วางไว้ให้แต่งงานกับหนานหนานอย่างแน่นอน ปัญหาอยู่ที่เวลาช้าเร็วเท่านั้น”

หลินหว่านชิวรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง พลางพยักหน้ากล่าวว่า “หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คุณพูด ไม่อย่างนั้นฉันคงทนไม่ได้ที่หนานหนานรออย่างขมขื่นมานานกว่ายี่สิบปี แต่สุดท้ายก็ไร้ค่า”

ในขณะเดียวกัน ซูจือหยูและตู้ไห่ชิงผู้เป็นมารดา ซูรั่วหลีผู้เป็นน้องสาว รวมถึงเหออิงซิ่วจากตระกูลเหอนั่งอยู่ร่วมโต๊ะเดียวกัน บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด

ถึงอย่างไรเหออิงซิ่วก็คือคนที่เข้าไปแทรกกลางในชีวิตแต่งงานของตู้ไห่ชิง แล้วยังแอบมีลูกสาวกับซูโสว่เต้าอย่างลับๆ ดังนั้นเมื่อต้องเผชิญหน้ากับตู้ไห่ชิงอีกครั้ง เหออิงซิ่วก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ

เธอต้องการหาโอกาสที่จะขอโทษตู้ไห่ชิงมาโดยตลอด แต่ก็มักจะกลืนคำพูดกลับไปทุกครั้ง

ความรู้สึกผิดทางศีลธรรมมันทำให้เธอไม่รู้ว่าควรเอ่ยปากอย่างไรดี

ตรงกันข้ามซูจือหยูและซูรั่วหลีสองพี่น้องกลับพูดคุยหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

สองพี่น้องไม่เพียงแต่มีสายเลือดเดียวกันครึ่งหนึ่ง แต่ช่วงนี้ยังมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันอีกด้วย ทั้งสองถูกตระกูลซูหักหลัง และได้รับการช่วยเหลือจากเย่เฉินมาไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ดังนั้นจึงมีเรื่องคุยกันมากมาย

ซูจือหยูมองเย่เฉินที่กำลังพูดคุยกับตระกูลซ่งและตระกูลอิโตะ แล้วอดถอนหายใจไม่ได้ “รั่วหลี ผู้มีพระคุณแข็งแกร่งขนาดนี้ เชื่อว่าอีกไม่นานคุณก็ไม่ต้องปิดบังตัวตนอีกต่อไปแล้ว”

“ซูรั่วหลีแลบลิ้นพลาวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ฉันน่ะไม่เป็นไรหรอก คุณชายเย่ขอให้ฉันปกปิดฉันก็จะปกปิด ถ้าไม่ให้ฉันปกปิดฉันก็จะไม่ปกปิด อันที่จริงฉันก็ไม่มีแผนอื่นแล้ว แค่อยากจะติดตามเขาไปทุกที่”

ซูรั่วหลีพูดพลางเอามือจับคาง ทอดถอนใจออกมา “แต่ความแข็งแกร่งของฉันยังอ่อนแอเกินไป เกือบร้อยคนในสำนักว่านหลง ส่วนใหญ่แข็งแกร่งกว่าฉัน ต่อไปเกรงว่าคุณชายเย่จะไม่ต้องการฉันจริงๆ แล้ว”

ซูจือหยูส่ายหน้าและพูดอย่างจริงจัง “ไม่ต้องกังวล ฉันไม่คิดว่าผู้มีพระคุณจะปฏิบัติต่อสำนักว่านหลงเหมือนเป็นคนของเขาจริงๆ อย่างมากที่สุดก็แค่ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนเป็นมือมืด คอยจัดการกับเรื่องที่ไม่เปิดเผยโดยเฉพาะ แต่สำหรับคุณในสายตาของผู้พระคุณ มันแตกต่างจากสำนักว่านหลง ผู้มีพระคุณจะต้องมีการจัดการกับคุณดีกว่าแน่นอน”

ซูรั่วหลีถามด้วยความประหลาดใจ “พี่สาว คุณพูดจริงเหรอ?”

ซูจือหยูพยักหน้าอย่างจริงจังพลางกล่าวว่า “ฉันคาดการณ์เอาไว้ว่าน่าจะเป็นอย่างนี้ แปดถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์!”

ซูรั่วหลีกล่าวอย่างมีความสุขทันที “งั้นก็ดีจัง! ฉันเองก็ไม่ขออะไรทั้งนั้น ได้เป็นคนคอยติดตามรับใช้ของคุณชายเย่ก็ดีมากแล้ว”

ตู้ไห่ชิงที่ไม่ค่อยได้พูดอะไรเพราะบรรยากาศที่อึดอัด ในเวลานี้ก็พูดขึ้นอีกว่า “รั่วหลี มั่นใจในตัวเองให้มากกว่านี้ คุณเย่น่าจะมีความคาดหวังในตัวคุณสูงมาก ไม่ใช่แค่เห็นคุณเป็นคนรับใช้แน่นอน คอยติดตามรับใช้คุณเย่ให้ดี วันหนึ่งคุณอาจจะสามารถไปถึงสูงถึงระดับเดียวกับว่านพั่วจวินได้”

ซูรั่วหลีบุ้ยปาก แม้ว่าในใจไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคาดหวังกับอนาคต