ขณะนี้ เครื่องบินค่อย ๆ แล่นเข้าไปในโรงเก็บเครื่องบิน จากนั้นประตูเครื่องบินเปิดออก เฮเล่นาเดินลงบันไดเวียนพร้อมกับเย่เฉิน

ใต้บันไดเวียน โอลิเวียมองเฮเลน่าด้วยสีหน้าเยาะเย้ย เมื่อเห็นว่ามีเพียงเธอและเย่เฉินเท่านั้นที่ลงจากเครื่องบินลำนี้ โอลิเวียขมวดคิ้วและถามว่า “เฮเลน่า ผู้ติดตามสองคนของพระองค์อยู่ที่ไหน? ทำไมพวกเธอไม่กลับมาพร้อมกับพระองค์ล่ะ?”

ผู้ติดตามสองคนของเฮเลน่านั้นเป็นคนของโอลิเวีย

ก่อนหน้านั้นโอลิเวียคิดเสมอว่าเฮเลน่าไม่รู้เรื่องนี้ แต่คราวนี้เธอไม่ได้พาผู้ติดตามสองคนนั้นกลับมาด้วย และผู้ติดตามสองคนนั้นไม่ได้รายงานการเปลี่ยนแปลงกับเธอล่วงหน้า เธอตระหนักว่าเฮเลน่าอาจรู้สถานะตัวตนของสองคนนั้นแล้ว

ขณะนี้เฮเลน่าเสแสร้งแกล้งทำเป็นโง่เขลา และกล่าวว่า “หม่อมฉันให้พวกเธอสองคนอยู่ที่หัวเซี่ย เพื่อให้พวกเธอเตรียมงานหมั้นและงานอภิเษกสมรสร่วมกับผู้วางแผนจัดงานของตระกูลเย่”

ถ้าคนภายนอกได้ยินคำพูดของเฮเลน่าแล้ว ดูเหมือนคำพูดนี้จะไม่มีปัญหาอะไร แต่สำหรับโอลิเวีแล้วเธอรู้ว่าเฮเลน่านั้นพูดเหลวไหล!

หากเป็นอย่างที่เธอพูดจริง ผู้ติดตามสองคนของตนเองต้องรายงานสถานการณ์ให้ตนเองทราบทันที

แต่ตอนนี้ตนเองไม่ได้รับข่าวใด ๆ เป็นการพิสูจน์ว่าทั้งสองคนถูกเฮเลน่าควบคุมตัวแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้โอลิเวียหดหู่คือเธอเห็นเฮเลน่าพูดอยู่ตรงหน้าตนเอง แต่ตนเองไม่สามารถทำอะไรเธอได้

เธอทำได้เพียงระงับความโกรธและกล่าวตามคำพูดของเฮเลน่า “เป็นเช่นนั้นเอง……พระเชษฐภคินี นึกไม่ถึงว่าอีกไม่นานพวกเราสองพี่น้องก็จะอภิเษกสมรสแล้ว เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ”

เฮเลน่าพยักหน้าและถอนหายใจพร้อมกับยิ้ม “ใช่ ดูเหมือนว่าเมื่อวานพวกเรายังคงขี่ม้าอยู่ในสนามหญ้าของพระราชวังด้วยกัน และพริบตาเดียวพวกเราก็จะอภิเษกสมรสแล้ว”

โอลิเวียยิ้ม แล้วมองเย่เฉินที่ยืนอยู่ข้างเฮเลน่า ขมวดคิ้วและถามว่า “ดูเหมือนว่าผู้ชายที่อยู่ข้างพระองค์ จะไม่ใช่คุณเย่เฟิงคู่หมั้นของพระองค์น่ะ?”

เฮเลน่ารีบแนะนำว่า “ใช่ เกือบลืมแนะนำให้พระองค์รู้จัก คนนี้ชื่อเย่เฉิน! เป็นลูกพี่ลูกน้องของเย่เฟิง ช่วงนี้เย่เฟิงมีเรื่องที่ต้องจัดการมากมาย จึงไม่สามารถปลีกตัวมาได้ ดังนั้นคราวนี้เขาจึงกลับมาเป็นเพื่อนหม่อมฉัน”

โอลิเวียไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของตระกูลเย่มากนัก เมื่อได้ยินว่าเย่เฉินเป็นลูกพี่ลูกน้องของเย่เฟิง น่าจะเป็นลูกชายคนอื่นในตระกูลเย่ จึงไม่ได้ใส่ใจ

วิลเลียมที่อยู่ด้านข้างไม่ได้คิดอะไรมากเช่นกัน

เพราะเมื่อก่อนคนที่แข่งขันธุรกิจกับเย่ฉางอิงในตลาดของหัวเซี่ย คือครอบครัวหลักของตระกูลรอธส์ไชลด์ที่สหรัฐอเมริกา

ยิ่งไปกว่านั้น สุดท้ายตระกูลรอธส์ไชลด์เป็นฝ่ายชนะ ดังนั้นเขาซึ่งเป็นทายาทของตระกูลระดับที่สามในยุโรป จึงไม่ทราบถึงความแค้นหรือสถานการณ์เฉพาะของตระกูลเย่

ตอนนี้โอลิเวียได้ตัดสินใจที่จะขายเฮเลน่าให้กับโอมาน ราโมวิช ซึ่งเป็นผู้ทรงอิทธิพลชาวรัสเซีย

ดังนั้น ในอนาคตเธอจึงไม่ได้คิดที่จะมีอะไรเกี่ยวข้องกับตระกูลเย่ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้แสดงไมตรีกับเย่เฉิน

เธอมองไปที่เย่เฉิน และกล่าวถากถางว่า “คุณเย่ ฉันได้ยินมาว่าสำนักว่านหลงบุกมาถึงตระกูลเย่? และนอกจากสำนักว่านหลงแย่งสุสานบรรพบุรุษของพวกคุณไปแล้ว ยังขอให้ตระกูลเย่สละทรัพย์สินครึ่งหนึ่ง? ถ้าเช่นนั้นคราวนี้ตระกูลเย่น่าจะสูญเสียหนักใช่ไหม?”

วิลเลียมที่อยู่ด้านข้างเห็นว่าโอลิเวียกำลังพุ่งเป้าไปที่เย่เฉิน ดังนั้นเขาจึงเลิกคิ้วอย่างเจตนาแล้วกล่าวว่า “โอลิเวีย ทำไมพระองค์ถึงทรงตรัสถึงความเจ็บปวดของคนอื่นทันทีที่พบกันล่ะ คราวนี้ตระกูลเย่สูญเสียไปหนักมาก เสียหน้าแล้วยังจะเสียเงินอีกด้วย คุณเย่คงจะรู้สึกเจ็บปวดมาก”

เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ผมไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดอะไร พวกเราชาวหัวเซี่ยมีคำกล่าวโบราณว่าอูฐที่ผอมยังตัวใหญ่กว่าม้า แม้ว่าตระกูลเย่จะสูญเสียทรัพย์สินไปครึ่งหนึ่ง แต่ยังมีเงินเป็นล้านล้านหยวน ถ้าเทียบกับตระกูลขยะส่วนใหญ่ในยุโรปแล้ว ยังคงเหนือกว่ามาก”

วิลเลียมฟังออกถึงคำพูดที่ถากถางของเย่เฉิน ถามด้วยความโมโหทันทีว่า “คนแซ่เย่! คุณว่าใครเป็นตระกูลขยะ?”

สีหน้าของเย่เฉินเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยและกล่าวว่า “ในสายตาของผมแล้ว ตระกูลใดในยุโรปที่มีทรัพย์สินน้อยกว่าตระกูลเย่ของผม ทุกตระกูลล้วนเป็นขยะ!”