บทที่ 3328 โอมาน ราโมวิช

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

เมื่อได้ยินคำพูดของเย่เฉิน วิลเลียมโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทันที และกล่าวโพล่งออกมาว่า “คนแซ่เย่ คุณพูดจองหองเกินไปแล้ว!”

เย่เฉินถามด้วยรอยยิ้มว่า “จองหองหรือ? ทำไมผมไม่รู้สึกเช่นนั้น”

หลังจากนั้น เย่เฉินกล่าวอีกว่า “แม้ว่าตระกูลเย่จะประสบความสูญเสียอย่างหนัก แต่พวกเรายังมีทรัพย์สินนับล้านล้านหยวน บางครอบครัวไม่เคยประสบกับการสูญเสียครั้งใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังไม่มีเงินมากกว่าตระกูลเย่ ถ้าไม่ใช่ขยะแล้วเป็นอะไรล่ะ?”

เย่เฉินมองทั้งสองคน หยุดเล็กน้อยแล้วพูดติดตลกว่า “พวกคุณลองคิดดู ถ้าน้ำในทะเลเหลือเพียงครึ่งเดียว มันก็ยังคงเป็นทะเล แต่ไม่ว่าจะเติมน้ำในบ่อโคลนไปมากแค่ไหน มันจะยังคงเป็นบ่อโคลนเหมือนเดิม”

สีหน้าของโอลิเวียและวิลเลียมดูน่าเกลียดมาก

โอลิเวียรู้ดีถึงกำลังของราชวงศ์ยุโรปเหนือ ไม่ว่าจะเป็นเงินสด วัตถุโบราณ อสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนจากต่างประเทศ ฯลฯ รวมทั้งหมดแล้ว มีมูลค่าเพียงไม่กี่พันล้านยูโรเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ราชวงศ์ไม่ใช่เพียงครอบครัวสามคนของโอลิเวียเท่านั้น ซึ่งด้านล่างนั้นยังมีพระราชวงศ์มากมาย ทุกคนรอที่จะได้รับเงินสนับสนุนเลี้ยงดูจากราชวงศ์

แม้ว่าตระกูลเย่จะมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้แก่สำนักว่านหลงแล้ว แต่ทรัพย์สินที่เหลือนั้นยังเป็นเงินหลายแสนล้านยูโร ซึ่งแข็งแกร่งกว่าราชวงศ์มากจริง ๆ

วิลเลียมรู้สึกโกรธเช่นเดียวกับโอลิเวีย

แม้ว่าเขาจะนามสกุลรอธส์ไชลด์ แต่ความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจโดยรวมของครอบครัว คิดเป็นเงินแค่หนึ่งหมื่นล้านยูโรเท่านั้น เขาคิดว่าอาจจะไม่ถึงหนึ่งในสิบของตระกูลเย่ด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม วิลเลียมกัดฟันและโต้กลับว่า “ตระกูลรอธส์ไชลด์ของพวกเราสร้างรากฐานธุรกิจไปทั่วโลกเป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว และทรัพย์สินทั้งหมดนั้นมีมูลค่ามากกว่าล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจทะลุไปถึงสิบล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ! สำหรับตระกูลรอธส์ไชลด์แล้ว ตระกูลเย่นั้นเป็นไม่ได้แม้แต่ขยะ!”

เย่เฉินถามด้วยความสงสัย “คุณมาจากตระกูลรอธส์ไชลด์หรือ?”

โอลิเวียแนะนำด้วยความภูมิใจว่า “ลืมแนะนำพวกคุณสองคน นี่คือวิลเลียม รอธส์ไชลด์ คู่หมั้นของฉัน หนุ่มหล่อมากความสามารถของตระกูลรอธส์ไชลด์!”

เย่เฉินยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า “ที่แท้เป็นคนของตระกูลรอธส์ไชลด์ ไม่น่าแปลกใจเลยที่พูดจองหอง”

วิลเลียมกล่าวเยาะเย้ย “ทำไม? ตอนนี้คุณรู้แล้วใช่ไหมว่าสำหรับตระกูลรอธส์ไชลด์แล้ว ตระกูลเย่นั้นเป็นขยะขนาดไหน?”

เย่เฉินส่ายศีรษะและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ขยะหรือไม่ขยะ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเทียบกับใคร ถ้าเทียบกับครอบครัวหลักของตระกูลรอธส์ไชลด์แล้ว ตระกูลเย่นั้นด้อยกว่ามาก แต่ผมได้ยินมาว่าภายในตระกูลรอธส์ไชลด์นั้นมีทายาทมากมาย และทายาทเหล่านั้นแบ่งออกเป็นสามระดับ ไม่รู้ว่าครอบครัวของคุณวิลเลียมอยู่ระดับไหน?”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ใบหน้าของวิลเลียมเปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที

เมื่อกล่าวถึงตระกูลรอธส์ไชลด์แล้ว เขามีความภาคภูมิใจมาก

แต่เมื่อกล่าวถึงหัวข้อเรื่องที่ครอบครัวของตนเองอยู่ระดับไหนแล้ว เขาไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรดี

เพราะในตระกูลรอธส์ไชลด์แล้ว ครอบครัวของเขานั้นเป็นเพียงครอบครัวระดับสามเท่านั้น

เมื่อเห็นท่าทางแปลก ๆ และไม่พูดอะไร เย่เฉินอดไม่ได้ที่จะถามด้วยรอยยิ้มว่า “คุณวิลเลียม เป็นอะไร? เมื่อสักครู่คุณยังพูดเก่งอยู่นี่? แล้วตอนนี้ทำไมไม่พูดอะไรล่ะ?”

วิลเลียมมีสีหน้าขุ่นมัว และชั่วขณะหนึ่งนั้นเขาไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี

เมื่อโอลิเวียเห็นคู่หมั้นของตนเองถูกบีบจนตรอก เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาและไม่พอใจว่า “คุณเย่ ที่นี่คือยุโรปเหนือ ไม่ใช่หัวเซี่ย! อย่ามาพูดจาจาบจ้วงที่นี่”

เย่เฉินหัวเราะและถามกลับไปว่า “นี่เป็นคำพูดจาบจ้วงหรือ? ดูเหมือนว่าพระองค์ยังขาดความเข้าใจอย่างแท้จริงกับคำว่าจาบจ้วง”

ขณะนี้ เฮเลน่ากล่าวไกล่เกลี่ยว่า “ฉันคิดว่าทุกคนอย่าสนทนาที่นี่อีกเลย กลับไปที่พระราชวังกันเถอะ ฉันอยากจะดูว่าตอนนี้อาการของพระอัยยิกาเป็นอย่างไรบ้าง?”

โอลิเวียยิ้มอย่างหยอกล้อและกล่าวว่า “เฮเลน่า พระองค์ไม่ต้องรีบ หม่อมฉันกับวิลเลียมมาสนามบินคราวนี้ ไม่ใช่แค่มารับพวกคุณสองคนเท่านั้น แต่ยังมีสหายคนหนึ่งที่กำลังจะมาถึงเร็ว ๆ นี้ รอเขามาถึงแล้ว พวกเราจะได้กลับไปที่พระราชวังพร้อมกัน”

เฮเลน่าถามตามสัญชาตญาณ “สหายที่พระองค์ตรัสถึงเป็นใครหรือเพคะ?”