บทที่ 3395 ใครเป็นคนกันเองกับแก

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

คำพูดของว่านพั่วจวิน อยู่ในสมาชิกเจ็ดร้อยกว่าคนในตระกูลย่อยของตระกูลเย่ ก่อให้เกิดความโกลาหลในทันที!

แม้ว่าสมาชิกตระกูลย่อยของตระกูลเย่เหล่านี้ไม่ใช่ผู้ประกอบการชั้นนำ แต่พวกเขายังจะฉลาดมากกว่า พวกวัยรุ่นไร้สมองที่ผ่อนชำระด้วยบัตรเครดิตอย่างส่งเดช

พวกวัยรุ่นไร้สมอง คิดเองว่าการผ่อนชำระเป็นสิ่งหนึ่งที่คุ้มค่ามาก แต่โดยหารู้มั้ยว่าธนาคารได้ครอบงำจิตใจของพวกเขาไปตั้งนานแล้ว

อัตราดอกเบี้ยของแต่ละงวดคือหกส่วนหนึ่งพัน ดูเหมือนว่าหนึ่งหมื่นหยวนแบ่งออกเป็นสิบสองงวด ทุกเดือนก็เพียงแค่ต้องคืนหกสิบหยวน แต่สิบสองงวดต่อปี ก็คือเจ็ดร้อยยี่สิบหยวน!

เมื่อเทียบกับเงินต้นหนึ่งหมื่นหยวน อัตราดอกเบี้ยรายปีของงวดหนึ่งปีคือเจ็ดจุดสองเปอร์เซ็นต์!

นี่เป็นเพียงวิธีการคำนวณคร่าวๆ ต้องรู้ว่า หนึ่งหมื่นหยวนไม่ใช่การชำระคืนครั้งเดียวหลังจากหนึ่งปี แต่แบ่งสิบสองงวด แต่จะชำระคืนเป็นสิบสองงวดเป็นรายเดือน เงินต้นแต่ละงวดจะลดลง แต่อัตราดอกเบี้ยกลับยังคงที่คำนวณตามเงินต้นหนึ่งหมื่นหยวน หากคำนวณตามนี้ อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจะเกินสิบสามเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ!

อัตราดอกเบี้ยนี้ ในตลาดการเงิน สามารถเรียกได้ว่าเป็นกำไรมหาศาล

สมาชิกตระกูลย่อยของตระกูลเย่ แต่ละคนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับธนาคารและเจ้าของทุน ในรัฐวิสาหกิจเอกชน ถ้าหากพวกเขาต้องการเงินกู้จริงๆ สามารถรับเงินกู้จำนวนมากได้อย่างง่ายดายด้วยอัตราดอกเบี้ยรายปีจริงที่ต่ำกว่าห้าเปอร์เซ็นต์ ดังนั้นเมื่อได้ยินแผนการผ่อนชำระนี้ของว่านพั่วจวิน ในใจก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนด่าใส่ว่าใจดำ

ดังนั้น มีคนเอ่ยปากพูดว่า: “ประมุขว่าน……หลังจากที่ผมให้เงินสดทั้งหมดของผมไปก็ยังเหลืออีกสองพันล้าน คุณได้โปรดช่วยยืดเวลาให้ผมหนึ่งวัน ขอแค่เวลาหนึ่งผมก็สามารถที่จะผ่านการจดจำนองเงินกู้มา ก็จะโอนเงินสองพันล้านนี้เข้าบัญชีของคุณ!”

คนอื่นก็ทยอยเสริมตาม: “ใช่ครับประมุขว่าน ตราบใดที่ให้เวลาพวกเราหนึ่งวัน พวกเราก็สามารถจัดการจดจำนองเงินกู้มา! คุณได้โปรดยืดเวลาให้มากขึ้นหน่อย!”

ว่านพั่วจวินพูด: “ยืดเวลาไม่ได้ พวกแกทุกคนก็ต้องภายในหนึ่งชั่วโมง ชำระยอดค้างทั้งหมด ไม่อย่างนั้นก็ต้องเซ็นข้อตกลงการผ่อนชำระ!”

สมาชิกตระกูลย่อยของตระกูลเย่ แต่ละคนก็หน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมา

ในเวลานี้ เย่เทียนเสี่ยวอ้าปากพูดว่า: “ประมุขว่าน ผมยินดีผ่อนชำระ!”

ทุกคนคาดไม่ถึงว่า เย่เทียนเสี่ยวจะเป็นคนแรกที่ยอมแพ้ ในใจกำลังดูหมิ่น ได้ยินเย่เทียนเสี่ยวพูดต่อว่า: “ผมยินดีที่จะแบ่งเงินที่ค้างชำระทั้งหมดออกเป็นสองงวด ภายในสองเดือน ผมต้องชดใช้เงินก้อนนี้ทั้งหมด”

เมื่อคนอื่นได้ยินคำพูดนี้ ก็ตบต้นขาในทันที

ก่อนหน้านี้พวกเขาเพียงแค่ตกใจกับค่าธรรมเนียมหกส่วนหนึ่งพันนี้ แต่ลืมไปว่าอันที่จริงสามารถเลือกจำนวนงวดที่น้อยที่สุดได้

หากแบ่งเป็นสองงวด ก็ต้องจ่ายหกส่วนหนึ่งพันสองครั้ง ซึ่งรวมกันก็เป็นหนึ่งจุดสองเปอร์เซ็นต์

ด้วยวิธีนี้ ก็ย่อมสบายมากกว่า

ดังนั้น ทุกคนทยอยเริ่มที่จะแสดงออกอย่างแข็งขัน มีแบ่งออกเป็นสองงวด ก็มีแบ่งออกเป็นสามงวด มากสุดก็ยอมแบ่งออกเป็นหกงวด มากกว่านี้ก็ไม่มีแล้ว

ว่านพั่วจวินอดขมวดคิ้วไม่ได้ ในใจก็เดาได้ถึงเจตนาของคนพวกนี้ พวกเขาคงจะต้องการผ่อนชำระให้น้อยที่สุดก่อน ต่อจากนั้นไขว่คว้าเวลาค่อยเร่งระดมเงินเพื่อเติมช่องว่างในการผ่อนชำระครั้งนี้

แบบนี้ก็สามารถหลุดพ้นจากกับดักอัตราดอกเบี้ยที่สูงของการผ่อนชำระได้

แต่ทว่า ว่านพั่วจวินในเวลานี้ก็ไม่รู้รายละเอียดว่าควรตั้งกฎอย่างไร เย่เฉินก็ไม่ได้บอกตัวเอง การผ่อนชำระหนทางนี้รายละเอียดเงื่อนไขของการแบ่งจำนวนงวดกำหนดอย่างไรกันแน่

ขณะที่เขาไม่รู้ว่าควรกำหนดอย่างไรดี ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคยดังลั่น: “ประมุขว่าน ผมขอแนะนำให้นายกำหนดอัตราส่วนการผ่อนชำระให้ตายตัว ผู้ที่ไม่สามารถชำระเป็นเงินสด และเลือกผ่อนชำระ ก็ต้องเลือกผ่อนชำระอย่างน้อยหกสิบงวด ไม่มีจำกัด!”