เย่เฉินไม่นำคำเยินยอของคุณท่านมาคิดจริงจัง เพียงแค่พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ราชวงศ์ยุโรปเหนือ ปรารถนาให้ในอนาคตตระกูลเย่เคลื่อนกองกำลังไปที่ป้อมหัวสะพานของทวีปยุโรป ดังนั้นการร่วมมือกันจะต้องผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว คว้าโอกาสเอาไว้ให้มั่น ไม่อาจให้มีความผิดพลาดใดๆ เกิดขึ้นได้เด็ดขาด อีกทั้งไปยุโรปเหนือหนนี้ ไม่อาจมอบหน้าที่ทั้งหมดให้ทีมของผู้จัดการฝ่ายธุรการได้ ยังคงต้องมีฝั่งสมาชิกสายตรงของตระกูลเย่เราเพื่อแสดงออกถึงการให้ความสำคัญ ดังนั้นจึงต้องเลือกเฟ้นคนที่เหมาะสมไปที่นั่น”
คุณท่านเย่พยักหน้าติดๆ กัน “นั่นแน่นอนอยู่แล้ว! เฉินเอ๋อ เรื่องนี้ เธอว่าเธอจะไปด้วยตัวเอง หรือจะให้ฉันไปแทนเธอ”
เย่เฉินนิ่งคิด แล้วเอ่ยปากขึ้นว่า “เฮเลน่าอย่างไรก็เป็นเด็กสาววัยเยาว์คนหนึ่ง เกรงว่าหากติดต่อกับคุณอาจจะมีช่องว่างระหว่างวัยเกิดขึ้นอยู่บ้าง”
เย่ฉางหมิ่นที่กำลังคุกเข่าอยู่ในฝูงคนก็รีบร้อนเสนอตัวขึ้นมาทันที “เย่เอ๋อ! ถ้าไม่อย่างนั้นก็ให้ฉันไปเถอะ! ฉันกับเฮเลน่าก็นับว่าคุ้นเคยกันดี อีกอย่างเธอไม่ใช่ให้ฉันคุกเข่าอยู่ที่นี่สามวันหรอกเหรอ? เหลืออีกแค่สองวันฉันก็เสร็จเรื่องแล้ว!”
เย่เฉินมองเย่ฉางหมิ่นที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความประจบสอพลอ ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
เขาย่อมรู้จุดประสงค์ของเย่ฉางหมิ่น เพียงแค่อยากจะรีบคว้าเวลาเพื่อเอาใจตนก็เท่านั้น นอกจากนี้ก็รีบคว้าเวลาครอบครองพื้นที่ส่วนเล็กๆ ในตระกูลเย่ตอนที่ตนกำลังเป็นผู้นำตระกูล
ทว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ได้มีความรู้สึกดีๆ อะไรต่อเย่ฉางหมิ่น
แม้ว่าหนนี้สิ่งที่เธอแสดงออกยังนับว่าไม่เลว แต่เย่เฉินก็ไม่คิดที่จะให้โอกาสเธอเร็วขนาดนี้
และเวลานี้เอง เขาก็มองเห็นเย่ฉางซิ่วอาเล็กที่อยู่ด้านข้างคุณท่านเย่พอดี จึงเอ่ยปากพูดว่า “อาเล็ก ถ้าไม่อย่างนั้นก็รบกวนคุณพาทีมไปสักเที่ยวหนึ่งแล้วกัน คุณเองก็น่าจะรู้จักกับเฮเลน่าเหมือนกัน”
“ฉัน?” เย่ฉางซิ่วพูดอย่างไม่แน่ใจเล็กน้อย “เฉินเอ๋อ ฉันอายุมากขนาดนี้เวลาส่วนใหญ่ล้วนหมดไปกับการเชื่อฟังสามีสั่งสอนบุตร น้อยมากที่เข้าร่วมงานด้านธุรกิจ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ฉันกลัวว่าฉันจะเป็นตัวถ่วงน่ะ……”
เย่เฉินกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง “ผมให้คุณไป เพียงแค่เป็นตัวแทนตระกูลเย่เพื่อแสดงถึงความจริงใจสักหน่อย ในด้านรายละเอียดการร่วมมือ ถึงเวลาจะให้ทีมผู้จัดการฝ่ายธุรการของเราเป็นผู้จัดการเอง อีกทั้งทางฝั่งราชวงศ์จะต้องมีทีมผู้จัดการฝ่ายธุรการของพวกเขามาติดต่อกับทางฝั่งพวกเราอย่างแน่นอน แม้เฮเลน่าจะเป็นควีนแห่งยุโรปเหนือ แต่หน้าที่ที่แท้จริงอาจทำได้เพียงเป็นคนตัดสินใจ ส่วนด้านรายละเอียดจะไม่เข้าไปยุ่ง ดังนั้นเมื่อถึงเวลา คุณก็ทำหน้าที่สานสัมพันธไมตรีกับเฮเลน่า ส่วนเรื่องที่เหลือ มอบหมายให้ทีมผู้จัดการฝ่ายธุรการของทั้งสองฝ่ายจัดการก็ใช้ได้แล้ว”
เย่ฉางซิ่วฟังถึงตรงนี้ ถึงค่อยวางใจลงได้ในที่สุด จึงพยักหน้ากล่าวว่า “ตกลง! งั้นฉันจะพาทีมผู้จัดการฝ่ายธุรการไปที่นั่นสักเที่ยว”
เย่เฉินยิ้มเล็กน้อย กล่าวว่า “งั้นก็รบกวนอาเล็กแล้ว”
เวลานี้เย่ฉางหมิ่นสีหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง เดิมทีนึกว่าตนจะเป็นคนที่เหมาะสมที่สุด อย่างไรถึงแม้ว่าตนจะแต่งงานออกไปแล้วหลายปีก็ไม่ว่างมาตลอด แทบจะเข้าร่วมงานด้านธุรกิจแต่ละแห่งอยู่ตลอดเวลา เรื่องในตระกูลเย่ก็เข้าร่วมไม่น้อย เรียกได้ว่ามีประสบการณ์โชกโชน แต่คิดไม่ถึงว่าเย่เฉินกลับมอบโอกาสนี้ให้กับน้องสาวผู้ด้อยประสบการณ์ในด้านธุรกิจนี้ของตน
ส่วนเย่เฟิงที่กำลังคุกเข่าอยู่ด้านข้างเย่ฉางหมิ่น ก็มีสีหน้าท่าทางไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง
ในใจขณะนี้ของเขา กลุ้มใจจะตายอยู่แล้ว “แม่งเอ้ย! เฮเลน่าเดิมทีเป็นคู่หมั้นของฉันแท้ๆ! ตอนนี้ถึงกับใกล้จะได้เป็นควีนแห่งยุโรปเหนือไปแล้ว! หากสัญญาแต่งงานของฉันกับเธอยังอยู่ล่ะก็ ตอนนี้ไม่ใช่กลายเป็นดยุคแห่งประเทศยุโรปเหนือไปแล้วหรอกเหรอ? แม่ง……ถ้ารู้แต่แรกว่าเย่เฉินมีความสามารถมากขนาดนี้ ต่อให้กระแทกจนหัวแตกก็ต้องคุกเข่าเลียแข้งเลียขาเขาให้ได้ จะเยาะเย้ยถากถางเขาแต่แรกได้อย่างไร……ฉันนี่มันตาสุนัขจริงๆ!”
บิดาของเย่เฟิง เย่ฉางโคงก็กลัดกลุ้มถึงขีดสุด ลอบไตร่ตรองอยู่ในใจว่า “ตอนแรกเกือบจะได้ลูกสะใภ้เป็นควีนยุโรปเหนืออยู่แล้วเชียว ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าลูกสะใภ้หนีไปแล้วไม่ว่ากัน ฉันยังต้องมาไว้ทุกข์อยู่ที่นี่ตั้งสามปี นี่ไม่ใช่ฉิบหายแล้วฉิบหายอีกหรอกเหรอ!”