ส่วนการควบคุมภายในทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับเย่เฉิน ครอบครัวใดที่ไม่เชื่อฟัง เย่เฉินสามารถกำจัดผู้นำของครอบครัวนั้นได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากนั้นค่อยสนับสนุนคนที่เชื่อฟังจากภายในเข้ามาแทน

สมาชิกเหล่านี้มองเห็นเจตนาของเย่เฉินอย่างชัดเจน แต่พวกเขาไม่มีกำลังที่จะต่อสู้กับเย่เฉิน ดังนั้นพวกเขาจึงถูกบังคับให้ยอมรับเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่มีข้อโต้แย้ง เย่เฉินกล่าวว่า “ในเมื่อพวกคุณไม่มีข้อโต้แย้ง งั้นก็ดำเนินการตามที่ผมบอก แล้วส่งรายงานชื่อและประวัติให้คุณเย่ฉางหมิ่นตรวจสอบภายในหนึ่งสัปดาห์ และสำหรับเรื่องของคนที่มารายงานตัว การประสานการทำงาน คุณเย่ฉางหมิ่นจะเป็นคนที่รับผิดชอบประสานทั้งหมด”

เมื่อเย่ฉางหมิ่นได้ยินเย่เฉินกล่าวถึงชื่อของตนเอง เธอกล่าวด้วยความตื่นเต้นทันทีว่า “เฉินเอ๋อ คุณวางใจเถอะ อาจะปฏิบัติตามที่คุณบอกอย่างดีแน่นอน!”

เย่เฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและกล่าวอย่างเย็นชา “พวกคุณทุกคนฟังผมให้ดี เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเย่ฉางหมิ่น แล้วคุณเย่ฉางหมิ่นจะรายงานมาให้ผมโดยตรง ถ้าพวกคุณคนใดไม่ให้ความร่วมมือหรือต่อต้าน ผมจะไม่ปล่อยพวกคุณไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน!”

สีหน้าของทุกคนหยุดนิ่ง แม้ว่าหัวใจของพวกเขาจะเจ็บปวดอย่างสุดซึ้ง แต่พวกเขาก็ทำได้เพียงแสดงความเต็มใจที่จะร่วมมืออย่างแข็งขัน

และตอนนี้เย่ฉางหมิ่นนั้นรู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก

เดิมทีเธอรู้สึกขนลุกเมื่อเห็นใบหน้าที่เย็นชาของเย่เฉิน แต่ตอนนี้ดูแล้วกลับรู้สึกว่าน่ารักมาก

นั่นเป็นเพราะหลายวันมานี้เย่เฉินปฏิบัติต่อเธอค่อนข้างดี

เธอได้รับการยกเว้นไม่ต้องไว้ทุกข์อยู่ที่ภูเขาเย่หลิงซาน เพียงแค่คุกเข่าอยู่บนภูเขาเย่หลิงซานเป็นเวลาสามวันก็สามารถจากไปได้

และตอนนี้ เขาได้มอบหมายงานที่สำคัญให้กับเธอ ทำให้รู้สึกว่าเย่เฉินนั้นให้ความสำคัญกับตนเอง

ขณะเดียวกัน เธอก็ถอนหายใจอยู่ในใจ “ดูเหมือนว่าความยากลำบากที่ฉันเคยได้รับในเมืองจินหลิงก่อนหน้านั้นจะไม่สูญเปล่า……”

ความจริง สิ่งที่เย่ฉางหมิ่นนั้นไม่รู้ก็คือเย่เฉินนั้นไม่ได้ให้ความสำคัญกับเธอ แต่เย่เฉินเข้าใจความคิดของเธอเป็นอย่างดี

เย่เฉินรู้ว่าอาของตนเองต้องการตั้งหลักอย่างมั่นคงในตระกูลเย่ และมองหาโอกาสที่จะแสดงความสามารถอยู่เสมอ

ยิ่งกว่าไปนั้น เธอเป็นคนอารมณ์ร้อน โมโหร้าย และเป็นคนที่ยิ่งยโสมาตลอด เมื่อกล่าวถึงงานจริงจังแล้ว เธออาจจะไม่มีความสามารถใด ๆ แต่ถ้าให้เธอเป็นคนตรวจสอบ ไปทรมานคน และหาข้อตำหนิคนอื่น เธอคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดแน่นอน

สำหรับนิสัยเสียของเธอนั้น เมื่อมันปะทุขึ้นมาแล้ว คนทั่วไปนั้นไม่สามารถทนได้

ดังนั้นการมอบเรื่องนี้ให้เย่ฉางหมิ่นดูแลรับผิดชอบ ต่อไปก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้พวกเขาเหลือทน และต่อไปอย่าคิดที่จะส่งคนรุ่นน้องที่ไร้ประสิทธิภาพมาทำงานให้กับตระกูลหลัก

ขณะนี้เย่เฉินกล่าวอีกว่า “อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่พวกคุณส่งมานั้นไม่เข้าตาคุณเย่ฉางหมิ่น ดังนั้นพวกคุณเพียงแค่ส่งข้อมูลสมาชิกทั้งหมดของพวกคุณ ที่ตรงตามข้อกำหนดข้างต้นของผมมาให้เธอ แล้วให้เธอเป็นคนคัดเลือกเอง”

ทันทีที่เย่เฉินกล่าวประโยคนี้ออกมา ทำให้ผู้นำครอบครัวเหล่านี้แต่ละคนอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตาออกมา

เดิมทีพวกเขาคิดว่าตนเองเพียงแค่เลือกคนตามความต้องการของเย่เฉิน โดยพื้นฐานแล้วครอบครัวที่มีผู้ชายเยอะนั้นจะไม่มีแรงกดดันใด ๆ เพียงแค่คัดเลือกคนที่ไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชมมาคนหนึ่งก็สิ้นเรื่อง

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เย่เฉินขอให้พวกเขาส่งรายชื่อทุกคนไปให้เย่ฉางหมิ่นเลือก มันจะเกิดปัญหาแล้ว เย่ฉางหมิ่นจะเลือกคนที่ดีที่สุดอย่างแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้น คนที่ถูกเลือกอาจเป็นทายาทผู้สืบทอดธุรกิจของครอบครัวตนเอง แล้วพวกเขาจะทนกับสถานการณ์เช่นนั้นได้หรือ?

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าคนเหล่านี้จะยอมรับได้ยาก แต่ก็มีคนบางส่วนที่ตื่นเต้นจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว โดยพื้นฐานแล้วคนเหล่านี้ล้วนเป็นรุ่นน้องที่ไม่ได้เป็นทายาทผู้สืบทอดธุรกิจอันดับหนึ่งในครอบครัวของตนเอง แต่ถ้าตระกูลหลักเลือกทายาทผู้สืบทอดธุรกิจอันดับหนึ่งไปแล้ว งั้นพวกเขาจะมีโอกาสมากขึ้น

เย่เฉินเห็นใบหน้าของหลายครอบครัวที่มีความสุขและมีความทุกข์ แต่เขาไม่อยากสนใจ และสั่งทหารของสำนักว่านหลงว่า “พวกคุณไล่คนครึ่งแรกที่ขึ้นมาบนภูเขาก่อน ให้พวกเขาทั้งหมดต่างคนต่างกลับไปบ้านของตนเอง ส่วนคนอีกครึ่งหนึ่งที่ขึ้นมาภายหลัง ให้พวกเขาคุกเข่าต่อหน้าบรรพบุรุษของตระกูลเย่จนถึงวันพรุ่งนี้ แล้วค่อยให้พวกเขาไสหัวกลับไป!