จากนั้น ซูจือหยูก็คิดอยู่ในใจอย่างจริงจัง: “แบบนี้ฉันก็สามารถที่จะอยู่ที่เมืองจินหลิงตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดี จนถึงเช้าวันจันทร์ วันจันทร์ก็ลำบากหน่อย ตื่นเช้าหน่อย ออกบ้านตีห้ากว่า หกโมงกว่าก็สามารถบินกลับไปที่เย่นจิง หลังจากที่เครื่องลงจอดแปดโมงกว่าก็นั่งเฮลิคอปเตอร์ตรงไปยังซูซื่อกรุ๊ป ก็ไม่รบกวนเวลาทำงานเก้าโมง”

หลังจากที่เย่เฉินฟังจบก็พูดไม่ออกอย่างช่วยไม่ได้ และทอดถอนหายใจพูดว่า: “ตารางงานนี้ของคุณจัดได้เต็มเกินไปหน่อยนะ”

“ไม่เป็นไร”ซูจือหยูพูดอย่างหนักแน่นว่า: “ตอนนี้ สมรรถภาพทางร่างกายของฉันดีมาก เรื่องแค่นี้สบายมาก”

หลังจากที่พูดจบ เธอมองเย่เฉินตาปริบๆ แฝงด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน และพูดอย่างอ่อนโยนว่า: “ผู้มีพระคุณ ฉันอยู่เมืองจินหลิงนอกเหนือจากแม่ของฉันแล้ว ก็มีเพียงคุณเป็นเพื่อนเท่านั้น ถึงเวลานั้นจะไปเที่ยวหาคุณ คุณจะปฏิเสธฉันไม่ได้นะ”

เย่เฉินพยักหน้า รับปากอย่างสบายๆ และพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ตราบใดที่เวลายังเอื้ออำนวย คงจะไม่มีปัญหา”

“งั้นก็ดีมาก!”

หลังจากที่ได้รับคำตอบที่ตัวเองต้องการ ในที่สุดซูจือหยูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เย่เฉินมองดูเวลา และเอ่ยปากพูดว่า: “ดึกมากแล้ว ผมส่งคุณกลับไปที่ตระกูลซูก่อน”

ซูจือหยูรีบถามว่า: “ผู้มีพระคุณจะกลับไปที่ตระกูลเย่คืนนี้หรือเปล่า?”

“ไม่”เย่เฉินพูดอย่างราบเรียบว่า: “ผมจะกลับไปที่บ้านของลุงกู้ อยู่ที่นั่นรู้สึกสบายใจมากกว่า”

ซูจือหยูนึกถึงกู้ชิวอี๋ แล้วก็นึกถึงการหมั้นหมายของเย่เฉินกับกู้ชิวอี๋ และพยักหน้าอย่างเข้าใจในทันที

เย่เฉินให้เฉินจื๋อข่ายเตรียมรถให้ตัวเองคันหนึ่ง ต่อจากนั้นก็ขับรถคนเดียว และพาซูจือหยูมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของตระกูลซู

ระหว่างทาง ซูจือหยูก็แอบจ้องมองด้านข้างใบหน้าของเย่เฉิน อยากจะพูดอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็อดกลั้นกลับไป

จนกระทั่งเย่เฉินขับรถมาจอดอยู่ที่หน้านอกคฤหาสน์ตระกูลซู ซูจือหยูถึงได้เอ่ยปากพูดว่า: “ผู้มีพระคุณ……เรื่องระหว่างพ่อแม่ของฉัน ขอบคุณนะคะ ถ้าหากไม่ใช่คุณ พ่อของฉันคงจะไม่มีทางตกลงหย่ากับแม่แน่ๆ……”

เย่เฉินถามเธอ: “คุณอยากให้พ่อแม่ของคุณหย่ากันเหรอ?”

“อือ”ซูจือหยูพยักหน้า และพูดว่า: “พวกเขาสองคนก็ใช้ชีวิตได้ไม่มีความสุขมากขนาดนั้น การแต่งงานที่ตัวอยู่แต่ใจไม่อยู่แบบนี้ แทนที่จะฝืนทนอยู่ต่อไป สู้ทำให้มันจบสิ้นแต่เนิ่นๆดีกว่า”

จากนั้น เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ: “พ่อของฉันหลายปีมานี้ก็คงจะคับข้องใจเป็นอย่างมาก ภรรยาของตัวเองนอนอยู่เตียงเดียวกันกับตัวเองแต่ฝันไม่เหมือนกัน รักคนอื่นมาโดยตลอด นี่เปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่น เกรงว่ายากมากที่จะยอมรับได้……”

เย่เฉินพยักหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก ถ้าหากหากประเมินจากมุมมองของสิ่งที่รับรู้ทั้งหมด เขาก็รู้สึกว่าการแต่งงานระหว่างพ่อแม่ของซูจือหยู แม่ของเธอเป็นฝ่ายผิดก่อน

แต่ผู้ชายคนนั้นที่แม่ของเธอรักอย่างสุดซึ้งคือพ่อของตัวเอง ดังนั้นสิ่งนี้ทำให้เย่เฉินก็ไม่รู้ว่าควรจะประเมินอย่างไร

ในเวลานี้ ซูจือหยูมองดูเย่เฉิน เมื่อเห็นเย่เฉินหันหน้ามา วินาทีที่สบตากันนั้น เธอก็รีบหันหน้ากลับมา มองดูตรงด้านหน้าของรถยนต์ และพูดอย่างแผ่วเบาว่า: “อันที่จริงหลายมาปีนี้แม่ของฉัน ใช้ชีวิตก็ไม่ได้ง่ายดายนัก เนื่องจากว่าอีกครึ่งหนึ่งที่เคียงข้าง ไม่ใช่คนที่เธอรักจริงๆ แม้ว่าในใจจะไม่ได้ไม่เต็มใจ ก็ต้องผิดหวังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้……”

จากนั้น เธอก็รวบรวมความกล้ามองไปทางเย่เฉิน และพูดอย่างจริงจังว่า: “อันที่จริงเมื่อก่อน ฉันไม่ค่อยเข้าใจสิ่งวิธีการของแม่ ในใจก็จะรู้สึกว่า เธอทำให้พ่อผิดหวัง แม้ว่าการแต่งงานก่อนหน้านี้ของพวกเขาทั้งสองคนคุยกันก่อนแล้ว ฉันก็รู้สึกว่าแม่ไม่ควรจะใจร้ายกับพ่อในเรื่องความรักมากขนาดนี้…….”

เมื่อพูดอย่างนั้น ซูจือหยูก็มองต่ำลงอย่างแผ่วเบา และพูดอย่างเงียบๆว่า: “แต่ตั้งแต่ที่ได้เจอกับคุณผู้มีพระคุณ ฉันก็เข้าใจแม่มากขึ้นเรื่อยๆ……เธอในปีนั้นก็คงจะเหมือนกับฉันในตอนนี้ ตกหลุมรักผู้ชายที่หมายปองไม่ได้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น…….”

เย่เฉินกระแอมสองครั้ง: “อะแฮ่ม……ตอนนี้ก็พูดแบบนี้เร่งรีบไปหน่อยหรือเปล่า……”

ซูจือหยูส่ายหน้า มองไปทางเย่เฉิน และพูดอย่างจริงจัง: “เรื่องราวก็เป็นแบบนี้จริงๆ แต่ฉันไม่มีทางเหมือนกับแม่ของฉัน ถ้าหากเปลี่ยนฉันเป็นเธอ ฉันยอมไม่แต่งงานไปตลอดชีวิต ก็ไม่มีทางแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งที่ฉันไม่ได้รัก”

หลังจากที่พูดจบ เธอก็จ้องมองเย่เฉิน กระพุ้งแก้มเล็กๆ ทั้งสองพองขึ้นมาเล็กน้อย และพูดอย่างจริงจัง: “เย่เฉิน! ถ้าหากจากนี้ไปฉันกลายเป็นสาวโสดอายุมาก ถึงขนาดตายอย่างโดดเดี่ยว อย่าสงสัย เป็นเพราะคุณอย่างแน่นอน!”