บทที่ 3444 เอาเปรียบเฉพาะเศรษฐีชั้นนำ

ผมได้สืบทอดมรดกร้อยพันล้าน

ในขณะนี้เอง หวังตงเสวี่ยนเคาะประตูอยู่ด้านนอกห้องรับรอง: “คุณชาย เชิญคุณมาที่ห้องทำงานของฉันเถอะค่ะ”

เย่เฉินเปิดประตู เอ่ยถามว่า: “เซียวชูหรันกลับไปแล้วหรือยัง?”

หวังตงเสวี่ยนพยักหน้าเอ่ยว่า: “นายหญิงน้อยลงไปแล้ว คุณสบายใจได้ค่ะ”

“ดี” เย่เฉินถอนหายใจโล่งอก พร้อมมาห้องทำงานของหวังตงเสวี่ยนพร้อมเธอ ขณะเดียวกันก็ถามเธอว่า: “เซียวชูหรันมาหาเธอมีธุระอะไรเหรอ?”

หวังตงเสวี่ยนตอบกลับ: “เรื่องความคืบหน้าโปรเจกต์โรงแรมตี้เหานั่นแหละค่ะ การก่อสร้างขั้นตอนที่สองที่นายหญิงน้อยรับผิดชอบอยู่ได้เสร็จสิ้นแล้ว สองวันนี้ผู้ควบคุมของเราก็จะตั้งคณะไปตรวจรับมอบแล้ว”

เย่เฉินถาม: “ทางนั้น ชูหรันจัดการราบรื่นอยู่ใช่ไหม?”

หวังตงเสวี่ยนพยักหน้า เอ่ยว่า: “คุณนายน้อยทำดีมากค่ะ ทั้งคุณภาพและความคืบหน้าของการก่อสร้างล้วนทำได้ดีกว่าที่เราประมาณการไว้เยอะเลย ทั้งยังเป็นฝ่ายพาร์ทเนอร์ที่มีจรรยาบรรณในอาชีพที่สุด เท่าที่ตี้เหากรุ๊ปเคยร่วมมือมาในหลายปีนี้เลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นด้านวัสดุการก่อสร้างและอื่นๆ ล้วนไม่ได้แอบทำการลดวัสดุเลยแม้แต่น้อย เป็นเกณฑ์มาตรฐานของวงการธุรกิจแน่นอนค่ะ”

เย่เฉินเอ่ยด้วยความชื่นชม: “ถ้างั้นก็ดี”

หวังตงเสวี่ยนเอ่ยถามขึ้นมา: “จริงสิ คุณชาย คุณกลับมาจากเย่นจิงตั้งแต่เมื่อไรเหรอคะ?”

เย่เฉินเอ่ย: “วันนี้ตอนเช้าน่ะ”

หวังตงเสวี่ยนพยักหน้า เอ่ยด้วยความละอายใจว่า: “หลังจากได้ยินเรื่องสำนักว่านหลงแล้ว เดิมทีฉันกะว่าจะไปเย่นจิงทันทีเลย แต่หลังจากนั้นพอมาคิดๆ ดูแล้ว ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่ง เมื่อไปแล้วกลัวว่าไม่เพียงแต่จะช่วยอะไรไม่ได้ กลับกันอาจจะเพิ่มความวุ่นวายให้คุณชายเพิ่มด้วย ฉันเลยอยู่ที่จินหลิงดูแลตี้เหากรุ๊ปให้ทุกอย่างดำเนินไปตามเดิม ต้องขอให้คุณชายให้อภัยด้วย”

“จะโทษเธอได้ยังไงล่ะ” เย่เฉินอมยิ้ม เอ่ยอย่างจริงจัง: “ที่เธอทำแบบนี้ถูกต้องแล้ว ถ้ามีเรื่องเล็กน้อยเกิดขึ้น แล้วทุกคนต่างพากันออกจากหน้าที่ตัวเองแห่ไปช่วยฉันหมดละก็ กลับกลายเป็นว่าจะทำให้หลายเรื่องอยู่ในภาวะติดตายได้ แค่สำนักว่านหลงเอง สำหรับฉันแล้วไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร”

หวังตงเสวี่ยนรีบเอ่ย: “ถ้างั้นก็ดีค่ะ…ฉันคิดว่าคุณชายจะต้องมีวิธีดีๆ ในการแก้ไขวิกฤตครั้งนี้แน่นอน!”

เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยว่า: “เป็นวิกฤตแต่ยิ่งกว่านั้นคือโอกาส ตอนนี้ฉันได้กลายเป็นผู้นำตระกูลเย่อย่างเป็นทางการแล้ว อีกทั้งสำนักว่านหลงก็แสดงความจงรักภักดีต่อฉันแล้ว ลำดับต่อไปก็ถึงเวลาแล้วที่จะต่อสู้ทำกิจการยักษ์ใหญ่อย่างเต็มที่แล้ว!”

หวังตงเสวี่ยนสีหน้าตกตะลึงอย่างยิ่ง ทว่าไม่นานก็ฟื้นกลับเป็นปกติ เอ่ยถามอย่างจริงจังว่า: “คุณชายคะ ตระกูลเย่มีคุณเป็นเสาหลักแล้ว ฉันเชื่อว่าไม่นานก็จะต้องได้รับความก้าวหน้าใหม่เร็วๆ นี้แน่นอนค่ะ!”

เย่เฉินเอ่ย: “พูดถึงความก้าวหน้าใหม่ เมื่อกี้ฉันเพิ่งไปที่โรงแรมป๋ายจินฮ่านกงมา และพูดคุยกับเฉินจื๋อข่ายแล้ว พอดีได้คุยจนเกิดแรงบันดาลใจใหม่ เสร็จแล้วก็เลยมาหาเธอที่นี่ เรื่องพวกนี้ต้องเจรจาหารือกับเธอสักหน่อย”

หวังตงเสวี่ยนพยักหน้าเบาๆ เอ่ยถามอย่างสงสัยว่า: “คุณชายคะ คุณมีแรงบันดาลใจอะไรใหม่เหรอคะ?”

เย่เฉินบอกเล่าความคิดเรื่องงานประมูลให้หวังตงเสวี่ยนฟังอย่างละเอียดอีกครั้ง

หลังจากที่หวังตงเสวี่ยนได้ยินดังนั้น ก็เอ่ยขึ้นทันทีด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น: “ถ้าคุณชายดึงดูดให้เศรษฐีทั่วโลกมาที่นี่ได้ละก็ ถ้างั้นการพัฒนาของจินหลิงก็จะต้องก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วได้แน่นอน! สำหรับจินหลิงแล้วเรื่องนี้คือโอกาสดีที่หาได้ยากและมีค่ายิ่ง สำหรับตี้เหากรุ๊ปก็เช่นเดียวกันค่ะ! พวกเราจะต้องไขว่คว้าโอกาสนี้ไว้ให้ดี ก่อนที่งานประมูลจะมาถึงจริงๆ ให้ทำการวางขอบเขตในจินหลิงให้ดีเสียก่อน”

เย่เฉินเอ่ยแสดงความเห็นด้วย: “ฉันคิดเหมือนกันกับเธอนะ ที่ฉันมาหาเธอก็เพราะเรื่องนี้แหละ”

สิ้นเสียง เย่เฉินก็เอ่ยถามเธอ: “ทุนที่ใช้ได้ตอนนี้ของตี้เหากรุ๊ปคือเท่าไร?”

หวังตงเสวี่ยนรีบเอ่ย: “เงินทุนที่เราสามารถใช้ได้ในตอนนี้มีประมาณ 13,000 ล้าน แต่ว่าพวกเราสามารถกู้เงินจากธนาคารจนถึงยอดสูงสุดสี่หมื่นล้านได้ตลอดเวลาค่ะ เงินทุนโดยรวมเมื่อคำนวณดูแล้วอย่างน้อยก็อยู่ที่ ห้าหมื่นล้านโดยประมาณ”

เย่เฉินพยักหน้า เอ่ยอีกว่า: “เดี๋ยวฉันจะโอนเงินสดหนึ่งแสนล้านจากตระกูลเย่มาให้เธอ อีกส่วนหนึ่งฉันจะอัดฉีดส่วนตัวห้าหมื่นล้าน เอาเงินสดสองแสนล้านออกมา จากนั้นให้เธอซื้อที่ดินที่ดีที่สุดในจินหลิง หรือพื้นที่ที่มีแววพัฒนาได้ดีมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ด้วยเวลาอันรวดเร็วที่สุด!”